ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (22 มิ.ย.) เสนอระงับจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงเป็นการชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือบรรดาผู้ขับขี่ชาวอเมริกาที่กำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อรุนแรงที่สุดในรอบ 4 ทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันเป็นเพียงมาตรการผักชีโรยหน้าของผู้นำรายนี้ ก่อนศึกเลือกตั้งกลางเทอมกำลังเดินทางมาถึง
ไบเดนขอให้สภาคองเกรสอนุมัติระงับการจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงของรัฐบาลกลางเป็นเวลา 3 เดือน ท่ามกลางราคาที่พุ่งสูง ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้อ้างว่าปัจจัยที่ผลักให้เงินเฟ้อพุ่งทะยานส่วนใหญ่เป็นผลกระทบจากปฏิบัติการรุกรานยูเครนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ตามมาด้วยมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียของตะวันตก
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสดูเหมือนจะไม่ให้ไฟเขียวแผนดังกล่าวของเขา
ระหว่างการปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ ไบเดนเรียกร้องให้หยุดจัดเก็บภาษีกลางน้ำมันเบนซิน 18 เซนต์ต่อแกลลอน ไปจนถึงเดือนกันยายน นอกจากนี้ เขายังขอให้คณะผู้บริหารรัฐต่างๆ ระงับจัดเก็บภาษีของแต่ละรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกัน
ไบเดน เน้นย้ำว่าราคาเบนซิน ซึ่งค่าเฉลี่ยทั่วประเทศเวลานี้อยู่ที่เกือบ 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ได้เพิ่มขึ้นมาเกือบ 2 ดอลลาร์ต่อแกลลอน นับตั้งแต่สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียเริ่มต้นขึ้น และบอกว่าเขากำลังทำทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้
"ผมตระหนักอย่างเต็มที่ว่าการพักเก็บภาษีน้ำมันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ แต่มันคงจะพอช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของครอบครัวทั้งหลายได้บ้างในทันที" เขากล่าว
ที่ผ่านมา มีบางรัฐ ในนั้นรวมถึงนิวยอร์กและคอนเนตทิคัต ได้ระงับเก็บภาษีเชื้อเพลิงหรือเลื่อนแผนขึ้นภาษีเชื้อเพลิงออกไป อย่างไรก็ตาม มีอีกราวๆ 46 รัฐที่ยังไม่ดำเนินการใดๆ ในนั้นรวมถึงแคลิฟอร์เนีย ซึ่งบริหารงานโดยเดโมแครต ดินแดนที่มีการเก็บภาษีเบนซินมากที่สุดและมีราคาเบนซินแพงที่สุดในประเทศอยู่ก่อนแล้ว ที่ระดับเกินกว่า 6 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
รายได้ภาษีของรัฐบาลกลางจากน้ำมันเบนซินและดีเซล จะถูกนำไปเข้ากองทุน Highway Trust Fund ซึ่งใช้สำหรับบำรุงรักษาถนนและสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ไบเดน ให้คำรับประกันกับสภาคองเกรสว่าช่องว่างทางการเงินราว 10,000 ล้านดอลลาร์ จากมาตรการระงับจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงเป็นเวลา 3 เดือนนั้น จะสามารถเติมเต็มด้วยแหล่งเงินอื่นๆ
ด้วยพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสเหนือพรรครีพับลิกันอย่างฉิวเฉียด จึงเกิดคำถามตัวโตต่อการผ่านข้อเสนอระงับจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงเป็นการชั่วคราว แม้ว่ามันจะได้รับเสียงตอบรับที่อบอุ่นจากบรรดาผู้สนับสนันไบเดนก็ตาม
"ผมไม่ใช่ผู้สนับสนุน" สเตนี โฮเยอร์ แกนนำระดับอาวุโสของพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Politico "ผมไม่รู้ว่ามันจะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากได้มากน้อยแค่ไหน"
ส่วน เจสัน ฟูร์แมน อดีตที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจระดับสูงของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา บอกเช่นกันว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไม่ช่วยคนธรรมดาทั่วไป "ดูเหมือนว่าราคาน้ำมันคงจะไม่ลดลงมากไปกว่า 10 เซนต์ จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และกำไรของบริษัทน้ำมันทั้งหลายก็จะยังคงเพิ่มขึ้นอีกหลายพันดอลลาร์"
ไบเดน เรียกร้องบรรดผู้ค้าปลีกตามสถานีบริการต่างๆ ให้ใช้มาตรการพักจัดเก็บภาษีในทันที และผลักดันให้โรงกลั่นทั้งหลายเพิ่มศักยภาพแปรรูปน้ำมันดิบ ในความหวังว่าทั้งสองมาตรการรวมกัน จะสามารถช่วยลดราคาเบนซินได้สูงสุด 1 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ก่อนหน้านี้ ไบเดน เคยพยายามใช้มาตรการอื่นๆ ในนั้นรวมถึงระบายน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกจากคลังปิโตรเลียมสำรองทางยุทธศาสตร์ รวมถึงเจรจาให้พันธมิตรนานาชาติระบายคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ของตนเองเพิ่มเติมอีก 60 ล้านบาร์เรล และยกระดับการเข้าถึงเชื้อเพลิงชีวภาพ
เมื่อเร็วๆ นี้ ทางทำเนียบขาวออกมาวิงวอนกลุ่มอุตสากรรมพลังงาน ในนั้นรวมถึงเอ็กซอนโมบิล และเชฟรอน พร้อมทั้งตำหนิผลกำไรที่สูงกว่าปกติของพวกเขา และขอให้บริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่ผู้รักชาติด้วยการเพิ่มกำลังผลิต
ไบเดน เน้นย้ำซ้ำๆ ว่าผู้ที่ควรถูกกล่าวโทษต่อราคาน้ำมันที่พุ่งสูงก็คือ รัสเซียและอุตสาหกรรมน้ำมัน ไม่ใช่รัฐบาลสหรัฐฯ "นี่คือช่วงเวลาสงครามในยูเครน ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ" เขากล่าว พร้อมเรียกร้องไปยังบรรดาบริษัทน้ำมันทั้งหลายว่า "ฉุดราคาให้ลดต่ำลงมา"
ในการตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรครีพับลิกัน ไบเดน ยังได้ปกป้องความเป็นผู้นำของตนเอง ต่อกรณีที่ตะวันตกตอบโต้รัสเซียอย่างหนักหน่วง ในนั้นรวมถึงมาตรการคว่ำบาตรที่ก่อการถกเถียงอย่างกว้างขวาง ที่กำหนดเล่นงานการส่งออกพลังงานของรัสเซีย
"เราอาจหลับตาแสร้งทำไม่เห็นความป่าเถื่อนของปูตินก็ได้ และราคาน้ำมันก็จะไม่พุ่งสูงขึ้น แต่ผมเชื่อว่ามันจะเป็นสิ่งที่ผิด" เขากล่าว
(ที่มา : เอเอฟพี)