กลุ่มบริษัทในเครือซัมซุง กรุ๊ป (Samsung Group) ประกาศทุ่มเงินลงทุน 450 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 356,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างงานเพิ่มอีก 80,000 ตำแหน่งภายในระยะเวลา 5 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้กลุ่มซัมซุงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านต่างๆ ตั้งแต่การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เรื่อยไปจนถึงเทคโนโลยีชีวภาพ
ซัมซุงเป็นกลุ่มธุรกิจในครอบครัว หรือ “แชโบล” ที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และมีรายได้รวมเทียบเท่า 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แดนโสมขาว ขณะที่บริษัทในเครืออย่าง “ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์” ก็ครองแชมป์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกอยู่ในขณะนี้
สำหรับเม็ดเงินลงทุนกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์นี้ถือว่าเพิ่มขึ้นราวๆ 36% จากมูลค่าการลงทุนของบริษัทในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
ซัมซุง กรุ๊ป ระบุว่า บริษัทมีเป้าหมาย “สร้างการเติบโตระยะยาวในธุรกิจเชิงยุทธศาสตร์ต่างๆ และพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความสำคัญเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ระบบนิเวศอุตสาหกรรมของโลก” โดยมีแผนที่จะจ้างงานเพิ่มอีก 80,000 ตำแหน่งในธุรกิจหลักๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และชีวเภสัชภัณฑ์ (biopharmaceuticals) นับจากนี้ไปจนถึงปี 2026
ซัมซุงยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตชิปเซ็ตระดับ 3 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่จะช่วยลดขนาดของเซมิคอนดักเตอร์ และเพิ่มศักยภาพด้านการประมวลผล
บริษัทยืนยันว่า เม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่ 360 ล้านล้านวอน จะเป็นการลงทุนภายในเกาหลีใต้
ประกาศจากซัมซุงมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ของซัมซุงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20) ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของซัมซุงในการรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานไมโครชิปโลก
ไบเดน ย้ำว่าเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จำเป็นจะต้องร่วมกัน “ดูแลห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่น ไว้ใจได้ และปลอดภัย” พร้อมยกย่องอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเดอร์ของแดนโสมว่าเป็น “มหัศจรรย์แห่งนวัตกรรม” ที่มีความสำคัญยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจโลก
ซัมซุงมีการว่าจ้างแรงงานในสหรัฐฯ ประมาณ 20,000 ตำแหน่ง และอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในรัฐเทกซัส ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินงานภายในปี 2024
ที่มา : เอเอฟพี