ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ลงนามบังคับใช้กฎหมายซึ่งจะอนุญาตให้มีการยึดทรัพย์สินของพลเมืองที่ให้การสนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามรุกรานยูเครน
ร่างกฎหมายซึ่งผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภายูเครนเมื่อกลางเดือน พ.ค. ระบุเอาไว้ว่า การยึดทรัพย์ถือเป็นมาตรการพิเศษที่กระทำได้เฉพาะในช่วงที่รัฐประกาศใช้กฎอัยการศึกและมีคำสั่งศาลรองรับ ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22 พ.ค.) ยูเครนได้ขยายการบังคับใช้กฎอัยการศึกต่อไปอีก 90 วัน จนถึงวันที่ 23 ส.ค.
“กระบวนการติดตามและยึดทรัพย์ของบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร ซึ่งเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนฝ่ายผู้รุกรานยูเครนไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง จะช่วยให้เราสามารถหางบประมาณมาเติมเต็มได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และทำให้ศัตรูต้องเป็นฝ่ายสูญเสีย” เซเลนสกี กล่าว
การกระทำของบุคคลหรือบริษัทที่อาจนำไปสู่การถูกยึดทรัพย์ตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ สิ่งใดๆ ก็ตามที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและอธิปไตยของยูเครน การกล่าวหาความรักชาติยูเครน (Ukrainian patriotism) ว่าเป็นการฝักใฝ่นาซี (Nazism) รวมไปถึงการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังประชาชน วัฒนธรรม และภาษาของชาวยูเครน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน เม.ย. รัฐสภายูเครนก็ได้ผ่านกฎหมายแปรรูปทรัพย์สินพลเมืองรัสเซีย หรือชาวยูเครนที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมอสโกและปฏิเสธว่ารัสเซียกำลังทำ “สงคราม” รุกรานยูเครน ให้กลายมาเป็นของรัฐ (nationalization)
ทั้งนี้ รัสเซียระบุอย่างเป็นทางการว่าการสู้รบในยูเครนเป็นเพียง “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร”
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ส่งทหารเข้าโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. พร้อมประกาศรับรองความเป็นรัฐอิสระให้แก่สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ในภูมิภาคดอนบาส โดยอ้างว่ารัฐบาลเคียฟล้มเหลวในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของ “ข้อตกลงกรุงมินสก์” ที่ลงนามกันครั้งแรกเมื่อปี 2014
ข้อตกลงซึ่งมี “ฝรั่งเศส” และ “เยอรมนี” รับบทคนกลางมุ่งยุติการสู้รบระหว่างรัฐบาลยูเครนกับกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกที่ฝักใฝ่รัสเซีย รวมถึงมอบสถานะพิเศษและอำนาจปกครองตนเองให้แก่พื้นที่ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
ที่มา : RT