นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวในหัวข้อ "ปลดล็อกท้องถิ่น: กระจายอำนาจ กระจายงบประมาณอย่างแท้จริง" ที่โรงแรมนนทบุรี พาเลซ จ.นนทบุรี ในกิจกรรม "ปลดล็อกท้องถิ่นเพื่อชีวิตคนนนท์"
โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมีการกระจายอำนาจมาตั้งแต่ ปี 2540 แต่ก็ไปไม่ถึงไหน เพราะความซ้ำซ้อนของอำนานาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค กับท้องถิ่น ข้อเสนอเราจึงเป็นการปรับใหม่ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีอำนาจจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่ตนเองทุกเรื่อง เว้นเฉพาะบางเรื่อง เช่น การต่างประเทศ เงินตรา กองทัพ เป็นต้น ส่วน อปท.ไหนไม่มีศักยภาพก็ร้องขอให้ส่วนกลางมาเสริมได้ และเมื่อมีอำนาจหน้าที่แล้วก็ต้องมีงบประมาณด้วย เราต้องผลักดันสัดส่วนรายได้ระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่นให้อยู่ที่ร้อยละ 50 ต่อ 50 และในส่วนของ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ที่บอกให้โอนภารกิจต่างๆ นั้น ต้องมีสภาพบังคับตามระยะเวลากำหนด
นอกจากนี้ หลักการที่สำคัญคือ รัฐส่วนกลางเป็นแค่การกำกับดูแลไม่ใช่บังคับบัญชา กระทรวงมหาดไทยจะมาสั่งผู้บริหารท้องถิ่นไม่ได้ ซึ่งในข้อเสนอในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับส่วนภูมิภาคนั้น หากมีการกระจายอำนาจเต็มที่แล้ว เราเสนอทิ้งท้ายให้ภายใน 5 ปี ไปทำประชามติถามประชาชนว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะไม่มีราชการส่วนภูมิภาค โดยรัฐบาลจะต้องทำแผนว่าจะเลิกอย่างไร ถ่ายโอนคนอย่างไร และประกาศล่วงหน้าให้ทุกคนได้รู้เพื่อตัดสินใจชีวิตตนเอง ข้อเสนอของเราถ้าผ่าน ไม่ได้หมายความว่ายุบส่วนภูมิภาคทันที
"สำหรับข้อสงสัยของฝ่ายคัดค้านที่ว่า หากกระจายอำนาจเต็มรูปแบบเกิดขึ้นจริง จะทำให้เกิดการแบ่งแยกดินแดน กำลังทำให้ประเทศไทยเป็นสหพันธรัฐหรือไม่ ผมขอชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยกับการแบ่งแยกดินแดนแต่อย่างใด การมีหรือไม่มีราชการส่วนภูมิภาคไม่เกี่ยวกับเรื่องการเป็นรัฐเดี่ยว อย่างประเทศอังกฤษ ญี่ปุ่น มีราชการส่วนกลางแล้วก็ไปส่วนท้องถิ่นเลย ก็ยังคงเป็นรัฐเดี่ยว
ยิ่งถ้าไปดูข้อเสนอของเราข้อแรก เราระบุชัดว่า การแก้ไขตามร่างนี้ภายใต้บังคับมาตรา 1 คือประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ส่วนข้อท้วงติงเรื่องความสัมพันธ์ท้องถิ่นกับส่วนกลางที่ห่วงว่าจะไม่มีนั้น ไม่จริง เพราะส่วนกลางยังยึดโยงกับท้องถิ่นนั่นก็คือการกำกับดูแล นอกจากนี้อำนาจที่กระจายไปให้กับท้องถิ่น ก็เป็นแค่อำนาจบริหารเท่านั้น ส่วนอำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ก็ยังคงเป็นของส่วนกลางเหมือนเดิม ทั้งหมดนี้ คือข้อยืนยันในตัวเองว่า หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของเราผ่าน ประเทศไทยยังเป็นรัฐเดี่ยวเหมือนเดิม ไม่มีทางเป็นสหพันธรัฐใดๆ ทั้งสิ้น"
นอกจากนี้ หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เราเสนอผ่าน ราชการส่วนภูมิภาคไม่ได้หายไปทันที ตนและคณะก้าวหน้าไม่ได้มีอำนาจใดที่จะยุบให้หายไปได้ เราบอกแค่ว่าภายใน 5 ปี ให้ไปทำประชามติ ถามประชาชนว่าจะยังคงให้มีอยู่ต่อหรือไม่ ถ้าประชาชนยังคงให้มีต่อไป ก็ยังคงอยู่ แต่ก็จะมีความชัดเจนขึ้นระหว่างภูมิภาคกับท้องถิ่นว่าใครมีอำนาจทำอะไรแค่ไหน ไม่ซ้ำซ้อนกันอีก แต่ถ้าประชาชนอยากให้เลิก รัฐบาลก็เตรียมแผนว่าจะถ่ายโอนข้าราชการ บุคลากรไปทางไหน มีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน
ในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มีคำถามว่าจะอยู่ตรงไหน ในส่วนของผู้ว่าฯ ถ้าทำประชามติแล้วประชาชนยังอยากให้มีราชการส่วนภูมิภาค ผู้ว่าฯ ก็อยู่ต่อ แต่ก็จะทำหน้าที่กำกับดูแลท้องถิ่น ช่วยประสานงาน แต่ไม่ใช่สั่งการท้องถิ่น ในส่วนของกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายการปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 ที่ผ่านมาก็มีการพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด มีเห็นด้วยเห็นต่าง ปรับกันเรื่อยมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะปฏิรูปปรับปรุงอะไรต่างๆ นี่คือความสวยงามของประชาธิปไตย ที่จะได้มาพูดคุยเจรจากันว่าจะจัดการตรงนี้อย่างไร
"ในส่วนคณะก้าวหน้า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เรากำลังรณรงค์เข้าชื่อกันอยู่นี้ ไม่เสนอยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน เราเสนอแค่เรื่องของงาน เงิน คนไปให้ท้องถิ่น จัดภารกิจของส่วนกลางกับท้องถิ่นให้ชัดมากขึ้น แล้วเราก็ทิ้งท้ายว่า อีก 5 ปี ไปทำประชามติว่าส่วนภูมิภาคจะอยู่ต่อไปหรือไม่ ดังนั้น หากข้อเสนอนี้ผ่าน ก็ไม่ใช่ยุบส่วนภูมิภาค ไม่ได้ยุบกำนันผู้ใหญ่บ้าน โดยทันที ต้องไปถามประชามติจากประชาชนก่อน พวกผมไม่ได้มีอำนาจที่จะไปยุบราชการส่วนภูมิภาคหรือยกเลิกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หากข้อเสนอนี้ผ่าน ก็ต้องไปถามประชาชนผ่านประชามติ และเป็นอำนาจของรัฐบาลจะไปพิจารณาต่อว่าเมื่อกระจายอำนาจสมบูรณ์แล้ว จะจัดวางตำแหน่งบทบาทของกำนันผู้ใหญ่บ้านอย่างไรไม่ให้ซ้ำซ้อนกับท้องถิ่น เช่น ไม่เพิ่มจำนวน ใช้การทยอยลด หรือ ปรับเป็นพนักงานราชการท้องถิ่น หรือสร้างสภาพลเมืองประจำท้องถิ่นที่มีคนในท้องถิ่นสลับหมุนเวียนมาเป็นโดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้านอยู่ในนั้นด้วย เป็นต้น
ทุกข้อถกเถียงต้องมาพูดคุย แต่อย่างไรก็ตาม ผมยืนยันอีกครั้งว่าถ้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 ที่เรากำลังรณรงค์เข้าชื่อภายใต้แคมเปญปลดล็อกท้องถิ่นครั้งนี้ผ่าน ไม่ได้ยกเลิก หรือไปยุบอะไรอย่างแน่นอน ทั้งหมดจะชอบธรรมได้ก็ต้องไปถามประชาชนผ่านประชามติ "