xs
xsm
sm
md
lg

คว่ำบาตรเขาแต่เราเจ็บด้วย! พบ 1 ใน 3 ของอียู อัตราเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับเลข 2 หลัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดัชนีราคาผู้บริโภคดีดตัวสูงขึ้นแตะระดับเลข 2 หลัก ในประเทศต่างๆ อย่างน้อย 1 ใน 3 ของสหภาพยุโรป โดยเฉพาะในภูมิภาคบอลติก ที่พบอัตราเงินเฟ้อพุ่งรุนแรงที่สุด ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สเมื่อช่วงกลางสัปดาห์

จากรายงานของไฟแนนเชียลไทม์ส พบว่ามีชาติสมาชิกอียู 9 ประเทศ ที่มีอัตราเงินเฟ้ออยู่เหนือระดับ 10% โดยที่เอสโตเนีย เป็นชาติที่พบเห็นราคาผู้บริโภคดีดตัวมากที่สุด เพิ่มขึ้นถึง 19% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ส่วนประเทศอื่นๆ ที่มีอัตราเงินเฟ้อเช่นกัน เช่น ลิทัวเนีย 16.8% บัลแกเรีย 14.4% สาธารณรัฐเช็ก 14.2% โรมาเนีย 13.8% ลัตเวีย 13% โปแลนด์ 12.4% และสโลวะเกีย 11.7% ในขณะที่ตุรกี ซึ่งอยู่ในสถานะผู้สมัครเป็นสมาชิกอียูมาตั้งแต่ปี 1999 มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 70% สืบเนื่องจากการพังครืนของค่าเงินสกุลเงินของประเทศ

นอกจากนี้ รายงานข่าวของสื่อมวลชนเมื่อเร็วๆ นี้ อ้างอิงสำนักงานสถิติแห่งชาติกรีซ ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในกรีซ แตะระดับเลข 2 หลักในดือนเมษายน เพิ่มขึ้นเป็น 10.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ไฟแนนเชียลไทม์สระบุว่า ราคาที่พุ่งทะยานในทุกประเทศเหล่านี้เป็นผลกระทบจากปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยสัดส่วนเงินเฟ้อขึ้นอยู่กับอัตราการพึ่งพิงพลังงานรัสเซียของแต่ละประเทศ ในขณะที่มาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียและมาตรการตอบโต้ของมอสโก ผลักให้ราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลพุ่งทะยานทั่วโลก

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สระบุว่า สโลวะเกียและกรีซนำเข้าพลังงานจากรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ส่วนลิทัวเนีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยพึ่งพิงพลังงานรัสเซียสูงลิ่วเมื่อเดือนที่แล้ว กลายเป็นประเทศแรกของอียู ที่ยกเลิกนำเข้าแก๊สจากรัสเซีย และมีความตั้งใจหยุดนำเข้าไฟฟ้าจากรัสเซียในวันที่ 22 พฤษภาคม

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (Eurostat) พบว่าราคาพลังงานคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของอัตราเงินเฟ้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 8.1% ของอียู เมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่ 1 ปีก่อนหน้านี้ อัตราเงินเฟ้อของกลุ่มอยู่แค่ราวๆ 2%

เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดตัวแผน “รีเพาเวอร์อียู (REPowerEU)” ซึ่งมีความตั้งใจเดินหน้า "เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวให้เร็วขึ้น" และจากข้อมูลของโครงการระบุว่า อียูจำเป็นต้องใช้เงินทุนถึง 210,000 ล้านยูโร สำหรับดำเนินการเพื่อเลิกพึ่งพิงพลังงานรัสเซียโดยสิ้นเชิงภายในปี 2027 ผ่านการประหยัดพลังงาน หาแหล่งพลังงานอื่น และเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน

(ที่มา : ไฟแนนเชียลไทม์ส/อาร์ทีนิวส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น