ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเผย ข่าวกรองอเมริกันระบุเกาหลีเหนืออาจทดสอบนิวเคลียร์ หรือขีปนาวุธพิสัยไกล หรือทั้งสองอย่าง ในช่วงก่อน ระหว่าง หรือหลังจาก “ไบเดน” เยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มต้นในวันศุกร์ (20 พ.ค.) นี้
แม้เกาหลีเหนือกำลังต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่โสมแดงเรียกว่า “มีไข้” เกือบๆ 2 ล้านคนแล้วในขณะนี้ ทว่า ทั้งวอชิงตันและโซลต่างเชื่อว่า ปัญหานี้จะไม่ขัดขวางแผนการทดสอบอาวุธร้ายแรงของเกาหลีเหนือ
ทำเนียบขาวออกมาแถลงเมื่อวันพุธ (18) ว่า ระหว่างเยือนเกาหลีใต้ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์นี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะไม่เดินทางไปยังเขตปลอดทหาร (ดีเอ็มแซด) ที่เป็นเส้นแบ่งแยกดินแดนเกาหลีเหนือ-ใต้
ขณะที่ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งนั่งทำงานอยู่ในทำเนียบขาว กล่าวในวันเดียวกันว่า ข่าวกรองของอเมริกันบ่งชี้ความเป็นไปได้อย่างแท้จริงที่เกาหลีเหนือจะทดสอบอาวุธร้ายแรง ที่รวมถึงขีปนาวุธพิสัยไกล หรือไม่ก็อาวุธนิวเคลียร์ หรือทั้งสองอย่าง ในช่วงก่อน ระหว่าง หรือหลังจากที่ไบเดนเยือนเอเชียตะวันออกทริปนี้ และสำทับว่า อเมริกากำลังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น
ซัลลิแวนเสริมว่า อเมริกาประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น รวมทั้งยังหารือสถานการณ์เกาหลีเหนือกับหยาง เจียฉือ สมาชิกกรมการเมืองและผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันพุธ
ทั้งนี้ การเดินทางเยือนของไบเดนระหว่างวันที่ 20-24 จะเป็นการเยือนเอเชียครั้งแรกในขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยจะรวมถึงการประชุมสุดยอดครั้งแรกกับประธานาธิบดียุน ซก-ยอล ของเกาหลีใต้ ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมา และประกาศใช้มาตรการแข็งกร้าวกับ “การยั่วยุ” ของเกาหลีเหนือ
ซัลลิแวนกล่าวว่า อเมริกาพร้อมปรับท่าทีทางการทหารทั้งระยะสั้นและระยะยาวหากจำเป็น เพื่อให้การปกป้องและการป้องปรามสำหรับพันธมิตรในภูมิภาคนี้ ตลอดจนรับมือการยั่วยุของเกาหลีเหนือ
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้หลายรายระบุว่า ดูเหมือนเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ก่อนไบเดนเยือนโซล แม้กำลังเผชิญวิกฤตโควิด-19 ก็ตาม
คิม แตเฮียว รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ กล่าวว่า มีแนวโน้มว่าการทดสอบดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า อาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดคือวันพฤหัสฯ (19) หรือศุกร์ (20)
เขาเสริมว่า ได้จัดเตรียม “แผนสำรอง” กรณีที่มีการยั่วยุจากเกาหลีเหนือไม่ว่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนกำหนดการประชุมซัมมิตของผู้นำโสมขาวและสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หากเกาหลีเหนือจัดการทดสอบอาวุธก็จะบดบังเป้าหมายที่ใหญ่กว่าของไบเดนในการเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเที่ยวนี้ ซึ่งได้แก่เรื่องจีน การค้า และปัญหาอื่นๆ ในภูมิภาค ตลอดจนเป็นการตอกย้ำความไม่คืบหน้าในการเจรจากับเปียงยางเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ ถึงแม้คณะบริหารสหรัฐฯ ประกาศใช้แนวทางที่ปฏิบัติได้จริงเพื่อฟื้นการเจรจาก็ตาม
เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธหลายครั้งนับจากไบเดนเข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว แถมปีนี้ยังกลับมาทดสอบไอซีบีเอ็มเป็นครั้งแรกนับจากปี 2017 ทุกครั้งที่เกาหลีเหนือทดสอบอาวุธ วอชิงตันจะเรียกร้องให้ฟื้นการเจรจา ทว่า ไม่เคยมีการตอบกลับจากเปียงยาง
ขณะเดียวกัน ความพยายามของวอชิงตันเวลานี้ในการยกระดับมาตรการแซงก์ชันโสมแดงของนานาชาติ กำลังถูกรัสเซียและจีนยับยั้ง นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า แม้มุมมองของปักกิ่งอาจเปลี่ยนแปลงหากเปียงยางทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้ง แต่ไม่มีแนวโน้มว่ารัสเซียจะให้การสนับสนุนมาตรการแซงก์ชันเกาหลีเหนือ หลังจากอเมริกาเป็นแกนนำออกมาตรการแซงก์ชันครั้งใหญ่ต่อมอสโกจากกรณีการรุกรานยูเครน
นอกจากนี้ ยังคาดว่าผู้นำใหม่ของเกาหลีใต้จะขอให้ไบเดนรับประกันว่า วอชิงตันจะส่งเสริม “การป้องปรามอย่างครอบคลุม” ต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งหมายถึงระบบอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกาเพื่อปกป้องพันธมิตร
คณะบริหารของยุน ยังขอให้วอชิงตันนำเอา “ทรัพยากรทางยุทธศาสตร์” ที่สามารถติดตั้งหรือบรรทุกพวกอาวุธนิวเคลียร์ เช่น เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล เรือดำน้ำ และเรือบรรทุกเครื่องบินมาประจำการในภูมิภาคนี้
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)