ทำเนียบขาวระบุในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความเคลื่อนไหวใดๆ ของฟินแลนด์และสวีเดนในการเข้าร่วมนาโต้ ในปฏิกิริยาตอบสนองจากกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน ในขณะเดียวกัน คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติลงมติเห็นชอบเปิดการสืบสวนคำกล่าวหากองกำลังมอสโกกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนในยูเครน
"เราจะสนับสนุนการสมัครเป็นสมาชิกนาโต้ของฟินแลนด์หรือสวีเดน หากพวกเขายื่นใบสมัคร เราจะเคารพการตัดสินใจใดๆ ของพวกเขา" เจน ซากิ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาวบอกกับผู้สื่อข่าว
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ฟินแลนด์ประกาศเดินหน้าแบบฟาสต์แทร็กเข้าเป็นสมาชิกขององค์การนาโต้ เป็นเหตุให้เครมลินส่งเสียงคำรามเตือนอย่างโจ่งแจ้งตรงไปตรงมา ขณะที่สงครามในยูเครนส่งผลกระทบให้แก๊สรัสเซียซึ่งส่งไปยังยุโรปลดปริมาณลงฮวบฮาบ และจำนวนประชาชนที่หลบหนีออกนอกยูเครนมีมากกว่า 6 ล้านคนแล้ว
“ฟินแลนด์ต้องยื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิกนาโต้โดยไม่มีการลังเล” ประธานาธิบดีเซาลี นีนิสโต และนายกรัฐมนตรี ซันนา มาริน ของฟินแลนด์ ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งซึ่งออกเผยแพร่ในกรุงเฮลซิงกิ
“การเข้าเป็นสมาชิกนาโต้จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ความมั่นคงปลอดภัยของฟินแลนด์” ผู้นำทั้งสองระบุ “ในฐานะเป็นสมาชิกรายหนึ่งของนาโต้ ฟินแลนด์ยังจะทำให้กลุ่มพันธมิตรเพื่อการป้องกันแห่งนี้โดยองค์รวมเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน”
ทว่า โฆษกเครมลิน ดมิตริ เปสคอฟ ตอบโต้โดยเตือนว่า รัสเซียจะมองการเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ของฟินแลนด์ว่าเป็นภัยคุกคาม “อย่างแน่นอน”
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มอสโกจะ “ถูกบังคับให้ต้องใช้ฝีก้าวตอบโต้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งทางการทหาร-ทางเทคนิคและอื่นๆ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติของตนสืบเนื่องจากเรื่องนี้”
ในการเปิดฉากเข้ารุกรานยูเครน เหตุผลส่วนหนึ่งซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน หยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างก็คือ ภัยคุกคามจากนาโต้ ซึ่งมีการแผ่ขยายมาทางตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลง
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังกล่าวหานาโต้ในคราวนี้ว่า กำลังพยายามหาทาง "โอบปีกทางทหารอีกด้านหนึ่ง สำหรับการคุกคามทางการทหารต่อประเทศของเรา"
ฟินแลนด์นั้น ในระยะหลายสิบปีที่ผ่านมา ประกาศวางตัวเป็นกลางในวิกฤตการณ์ระหว่างตะวันออก-ตะวันตกมาโดยตลอด และกระทั่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้เอง พวกผู้นำของฟินแลนด์ยังคงปฏิเสธไม่ต้องการเข้าเป็นสมาชิกของนาโต้ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารนำโดยสหรัฐฯ ที่มีแนวทางต่อต้านสหภาพโซเวียตในอดีต และปัจจุบันก็มุ่งต่อต้านรัสเซีย ที่เป็นเพื่อนบ้านรายยักษ์ของฟินแลนด์อย่างชัดเจน
ทว่า การที่รัสเซียรุกรานยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ทำให้ชาติยุโรปเหนือรายนี้อยู่ในอาการตื่นตระหนกหวาดผวาหมีขาว ทั้งนี้ฟินแลนด์มีพรมแดนติดต่อกับรัสเซียเป็นระยะทาง 1,300 กิโลเมตร และในอดีตเคยมีการสู้รบขัดแย้งกับแดนหมีขาวมาแล้ว
ทางด้านาโต้ประกาศแล้วว่า ยินดีต้อนรับทั้งฟินแลนด์ และสวีเดน ซึ่งต่างมีเศรษฐกิจที่มั่นคงกระเป๋าหนัก และมีการทหารที่ก้าวหน้า
เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ให้สัญญาในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) ว่า การเข้าเป็นสมาชิกของฟนแลนด์จะ “ราบรื่นและรวดเร็ว”
ทั้งนี้ คณะกรรมการพิเศษชุดหนึ่งของฟินแลนด์ มีกำหนดจะประกาศการตัดสินใจยื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิกนาโต้อย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ (15 พ.ค.) นี้
ขณะที่ สวีเดน ซึ่งเป็นชาติที่วางตัวเป็นกลางเช่นกัน ก็เป็นคาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่าจะเจริญรอยตามฟินแลนด์ ผู้เป็นเพื่อนบ้านของตน
การสู้รบในยูเครนหันไปมุ่งเน้นทางภาคใต้และภาคตะวันออกนับตั้งแต่รัสเซียละทิ้งความพยายามยึดกรุงเคียฟ
ประธานาธิบดียูเครนระบุว่า ยังมีคงมีการยิงปืนใหญ่ถล่มทั่วทั้งแคว้นลูฮันสก์ ส่วนหนึ่งของภูมิภาคดอนบาส ที่กองกำลังเคียฟกำลังต้านทานอย่างดุเดือดจากการรุกโจมตีของยานเกราะรัสเซียและพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่เครมลิน
ทหารรัสเซียกำลังพยายามเข้าควบคุมเมืองลูบิซเน อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในขณะที่เมืองแห่งนี้คือเส้นทางหลักที่เชื่อมระหว่างเมืองลีซีชานสก์ เมืองบัคช์มุต และเมืองเซเบโรโดเนตสก์
ในแคว้นเชอร์นิฮิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 12 คนในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) ในเหตุโจมตีโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองนอฟโฮรอด-ซิเวอร์สกี
ส่วนในมาริอูโปล เมืองท่ายุทธศาสตร์ทางภาคใต้ของประเทศ พวกทหารที่ถูกปิดล้อมอยู่ภายในโรงงานถลุงเหล็กอันกว้างขวาง "อาซอฟสตัล" ยังคงปักหลักต้านทานการยิงระเบิดโจมตีนานหลายสัปดาห์ ปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้ยอมจำนน
กองทัพรัสเซียเปิดเผยว่าพวกเขาโจมตีโดเนตสก์และคาร์คิฟในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) สังหารฝ่ายศัตรูไปมากกว่า 170 คน รวมถึงทำลายโดรนและจรวดของยูเครน
ท่ามกลางการสู้รบที่ยังคงดุเดือดในพื้นที่ อีกด้านหนึ่งในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ทางคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติลงมติ 33 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง ให้ดำเนินการสืบสวนความกล่าวหาทหารรัสเซียกระทำการโหดร้ายป่าเถื่อนในยูเครน
ญัตติที่ยื่นโดยยูเครน จะมุ่งเน้นคำกล่าวหาก่ออาชากรรมในกรุงเคียฟ เมืองเชอร์นิฮิฟ เมืองคาร์ติฟ และเมืองซูมี ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม "ในแนวคิดคือให้พวกที่อยู่เบื้องหลังต้องรับผิดชอบ"
ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศในเมืองเฮก ได้เริ่มการสืบสวนของพวกเขาไปแล้ว โดยส่วนทีมสืบสวนไปยังเมืองบูชา แถบชานเมืองกรุงเคียฟ
ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซียโหมกระพือคลื่นพลเรือนผู้ลี้ภัย โดยหลายคนเล่าว่าถูกทรมาน มีเหตุความรุนแรงทางเพศและทำร้ายไม่เลือกหน้า
หน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) ว่าจำนวนผู้หลบหนีออกนอกยูเครนมีมากกว่า 6 ล้านคนแล้ว ในนั้นกว่าครึ่งมุ่งหน้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างโปแลนด์
อัยการยูเครนระบุว่า พวกเขาได้รับรายงานคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมมากกว่า 10,000 เหตุการณ์ และระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 622 ราย และในวันพุธ (11 พ.ค.) ทางสำนักงานแห่งนี้เปิดว่าจะเปิดการพิจารณาคดีเป็นครั้งแรกในข้อกล่าวหาทหารรัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม
เจ้าหน้าที่ยูเครนและผู้เห็นเหตุการณ์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) กล่าวหากองกำลังรัสเซียเข่นฆ่าพลเรือนหลายคนในเดือนมีนาคม หลังจากใช้รถถังยิงถล่มบ้านพักอาศัยหลังหนึ่งในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกของยูเครน
(ที่มา : เอเอฟพี)