กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาตำหนิสหรัฐฯ กรณีปรับแก้ข้อความบนเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับไต้หวัน พร้อมเตือนว่า “การชักใยทางการเมือง” (political manipulation) ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนสถานะในปัจจุบันของไต้หวันได้
เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีการลบข้อความที่ประกาศไม่สนับสนุนให้ไต้หวันแยกตัวเป็นเอกราช และการยอมรับจุดยืนของปักกิ่งที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนออกไป
วอชิงตันอ้างว่า การ “อัปเดต” ข้อมูลครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนถือว่าเกาะไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยมาหลายสิบปียังคงเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน
จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จีนนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว ไต้หวันเป็นของจีน และสาธารณรัฐประชาชนจีนคือรัฐบาลที่มีอำนาจชอบธรรมตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวที่จะเป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด
ไต้หวันปฏิเสธการอ้างอธิปไตยของจีน และย้ำว่าชาวไต้หวัน 23 ล้านคนมีสิทธิที่จะตัดสินอนาคตของตนเอง
จ้าว ระบุว่า การที่สหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงเอกสารสรุปข้อมูลสำคัญ (fact sheet) เกี่ยวกับความสัมพันธ์วอชิงตัน-ไทเป “เป็นการแต่งนิยายที่บ่อนทำลายรากฐานของหลักการจีนเดียว (one-China principle)”
“การชักใยทางการเมืองเกี่ยวกับประเด็นไต้หวันถือเป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันของช่องแคบไต้หวัน และย่อมจะเป็นการเติมเชื้อไฟที่เผาไหม้ (สหรัฐฯ เอง) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” โฆษกจีนเตือน
เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาชี้แจงว่า แม้ถ้อยคำบางส่วนจะเปลี่ยนไป “แต่นโยบายพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน”
“เราอัปเดตเอกสารสรุปข้อมูลสำคัญต่างๆ อยู่เป็นประจำ และในกรณีของไต้หวัน เอกสารนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งแบบไม่เป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวัน และเราขอเรียกร้องให้จีนประพฤติตัวอย่างรับผิดชอบ ไม่สร้างสถานการณ์ใดๆ ที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อไต้หวัน”
การปรับแก้ข้อความดูเหมือนจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. ทว่าเพิ่งจะเป็นข่าวในสื่อจีนและไต้หวันเมื่อวานนี้ (10)
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้เพิ่มข้อความลงในหลักประกัน 6 ข้อ (Six Assurances) ที่สหรัฐฯ ให้ไว้กับไต้หวันตั้งแต่สมัยของอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ซึ่งวอชิงตันได้นำออกมาเปิดเผยให้สาธารณชนทราบในปี 2020
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยืนยันเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วว่า สหรัฐฯ ไม่สนับสนุนให้ไต้หวันแยกตัวเป็นเอกราช ทว่าก่อนหน้านั้นในเดือน ต.ค. ผู้นำสหรัฐฯ ได้กระพือเสียงวิจารณ์อย่างหนักด้วยคำพูดในทำนองว่า อเมริกาพร้อมให้การปกป้องไทเปหากถูกจีนบุก ซึ่งถูกมองว่าเป็นคำพูดที่ขัดแย้งต่อ “นโยบายคลุมเครือ” ที่สหรัฐฯ ยึดถือมาอย่างยาวนาน
ขณะเดียวกัน บรรดาหัวหน้าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้แจ้งต่อสภาคองเกรสวานนี้ (10) ว่า จีนปรารถนาที่จะควบรวมไต้หวันอย่างสันติมากกว่าใช้กำลังทหาร แต่ก็มีการวางแผนเตรียมพร้อมในกรณีที่กองทัพจำเป็นออกโรง หากสหรัฐฯ ยื่นมือเข้าแทรกแซง
ที่มา : รอยเตอร์