หลายคนเริ่มสงสัยว่า เหตุไฟไหม้สถานที่ทรงความสำคัญยุทธศาสตร์ และ/หรือการทหารในรัสเซีย ที่เกิดขึ้นชุกในระยะนี้อาจไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นการก่อวินาศกรรมจากฝีมือยูเครน หรือผู้สนับสนุนเคียฟเพื่อตอบโต้การรุกรานของมอสโก ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนไม่ปฏิเสธหรือยอมรับข้อกล่าวหานี้ ซ้ำวิจารณ์เป็น “การแทรกแซงของพระเจ้า”
นับตั้งแต่เกิดไฟไหม้สถาบันวิจัยกลางกองกำลังปกป้องทางการบินและอวกาศของรัสเซีย ในเมืองเวียร์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน โลกโซเชียลเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นกับรายงานข่าวไฟไหม้ทุกข่าวที่เกิดขึ้นในแดนหมีขาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่อ่อนไหว เนื่องจากมองกันว่าอาจเป็นสัญญาณแสดงว่ารัสเซียกำลังถูกลอบก่อวินาศกรรม
ถึงแม้ไม่มีฝ่ายใดออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบเป็นผู้กระทำเรื่องเหล่านี้ แต่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า อย่างน้อยก็ในบางกรณี โดยเฉพาะเหตุไฟไหม้คลังน้ำมัน 2 แห่งในบรียันสก์ ที่ตั้งอยู่ใกล้เบลารุส บ่งชี้ความเป็นไปได้ว่า เป็นฝีมือยูเครนเพื่อตอบโต้ผู้รุกรานอย่างรัสเซีย
ทางด้านมิกฮายโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน โพสต์บนสื่อสังคมเทเลแกรมเมื่อไม่นานมานี้ว่า เหตุไฟไหม้เหล่านั้นเป็น “การแทรกแซงของพระเจ้า”
“คลังน้ำมันขนาดใหญ่ไฟไหม้เป็นระยะ...ด้วยเหตุผลต่างๆ กรรมคือสิ่งที่โหดร้าย”
ยูเครนตีขลุม “ไม่ปฏิเสธ”
รัสเซียนั้นเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก เหตุไฟไหม้ในโรงงาน หรืออาคารไกลปืนเที่ยงธรรมดาแล้วอาจจัดว่าเป็นเรื่องปกติ ทว่านับจากที่กองทัพรัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เหตุไฟไหม้กว่า 10 ครั้งที่กลุ่มผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของสงครามตั้งข้อสังเกต ได้ดึงดูดความสนใจในโลกโซเชียลอย่างมาก ท่ามกลางความกังวลว่า มีการประสานงานก่อการร้ายด้วยการวางเพลิงโดยฝีมือของชาวยูเครน
บางเหตุการณ์ เช่น อัคคีภัยเมื่อปลายเดือนที่แล้วในฐานทัพอากาศทางเหนือของเมืองวลาดิวอสต็อก ดินแดนภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย และโรงงานถ่านหินบนเกาะซาคาลิน ใกล้ๆ ตอนเหนือของญี่ปุ่น ทำให้เกิดข้อข้องใจว่าชาวยูเครนสามารถปฏิบัติการในดินแดนไกล้โพ้นเช่นนี้ได้จริงหรือ แต่สำหรับกรณีไฟไหม้ใหญ่ในโรงงานเคมีที่เซอร์ซิงสก์ ทางตะวันออกของมอสโกเมื่อวันพุธที่แล้ว (4 พ.ค.) ดูจะมีเค้าความเป็นไปได้มากกว่า
มีชาวยูเครนจำนวนหนึ่งช่วยกระพือกระแสความเชื่อเช่นนี้ เป็นต้นว่า อิกอร์ ซุชโก นักขับรถแข่งที่ชอบโพสต์ภาพและวิดีโอทางทวิตเตอร์ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ระบุกันว่า เป็นการก่อวินาศกรรมเล่นงานรัสเซีย พร้อมกับย้ำว่า ชาวรัสเซียที่ก่อวินาศกรรมต่อต้านปูตินยังคงสานต่องานที่น่ายกย่อง
ทางด้าน โอเล็กซี อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาอีกคนของเซเลนสกี ให้สัมภาษณ์นิวยอร์กไทมส์ โดยชี้ว่า อิสราเอลนั้นไม่เคยยอมรับว่า ลอบโจมตีหรือลอบสังหาร ดังนั้น “เราก็ไม่ยืนยันและไม่ปฏิเสธเช่นเดียวกัน”
ส่วนหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ของยูเครน?
นักวิเคราะห์สงครามชาวตะวันตกเชื่อว่า เหตุไฟไหม้ในบรียันสก์ ที่สร้างความเสียหายให้คลังน้ำมันที่ส่งน้ำมันให้แก่ยุโรป เป็นการโจมตีที่มีการวางแผนและเกี่ยวข้องกับสงครามยูเครน
นักวิเคราะห์ที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนและอยู่เบื้องหลังบัญชีทวิตเตอร์ “Ukraine Weapons Tracker” ได้โพสต์รายละเอียดโดยมีวิดีโอการโจมตีจากทั้งสองฝ่ายเป็นหลักฐานสนับสนุน พร้อมระบุว่า ได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่า กรณีไฟไหม้ในบรียันสก์เป็นผลจากการโจมตีของโดรน “บายรัคตาร์” ซึ่งยูเครนซื้อมาจากตุรกี หากเรื่องนี้เป็นจริงก็แสดงว่ากองกำลังยูเครนมีศักยภาพทำการโจมตีในรัสเซียโดยใช้อาวุธพิสัยไกล
ด้านร็อบ ลี นักวิเคราะห์สงครามอีกคน กล่าวกับการ์เดียน สื่อของอังกฤษว่า มีความน่าจะเป็นที่มันจะเป็นการโจมตีของยูเครน แต่ยังไม่สามารถฟันธงได้
ยังมีเหตุการณ์อยู่จำนวนหนึ่งซึ่งพวกนักวิเคราะห์มองว่า ดูจะเป็นฝีมือการโจมตีโดยใช้เฮลิคอปเตอร์และโดรน แล้วก็มีเหตุการณ์ซึ่งมีหลักฐานชี้ว่าเป็นพฤติการณ์ก่อวินาศกรรม เช่น การโจมตีใส่พวกโครงสร้างพื้นฐานในโอบลาสต์ (แคว้น) เคิร์สก์ และโอบลาสก์ เบลโกร็อด ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้ๆ การสู้รบในยูเครน
ผู้ว่าการของเคิร์สก์ และของเบลโกร็อด ต่างชี้ว่า เหตุไฟไหม้และการทำลายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สะพานรถไฟเป็นการก่อวินาศกรรมและการโจมตีจากยูเครน
ยาเชสลาฟ แกล็ดคอฟ ผู้ว่าการโอบลาสก์เบลโกร็อด ระบุในเทเลแกรมว่า การโจมตีคลังน้ำมันเมื่อวันที่ 1 เมษายนเป็นการโจมตีทางอากาศจากเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำของกองทัพยูเครนที่บินข้ามแดนในระดับต่ำ
ฟิลิป โอไบรเอน ศาสตราจารย์แห่งศูนย์ยุทธศาสตร์ศึกษาของมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ในสกอตแลนด์ ชี้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะยืนยันชัดเจนว่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นการก่อวินาศกรรมของยูเครน ยกเว้นข้อเท็จจริงที่ว่า เหตุไฟไหม้หลายครั้งดูเหมือนเกิดขึ้นกับเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ และ/หรือการทหารของรัสเซีย
ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า กองกำลังรัสเซียในยูเครนกำลังกะปลกกะเปลี้ยจากห่วงโซ่อุปทานที่อ่อนแอ และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในรัสเซียก็ส่งผลกระทบความพยายามในการทำสงครามของรัสเซีย
กระนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นว่า มีแคมเปญก่อวินาศกรรมโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบุกยูเครนของแดนหมีขาวหรือไม่
(ที่มา : เอเอฟพี, เอเจนซีส์)