รัสเซียแถลงในวันพฤหัสบดี (5 พ.ค.) ว่า การที่ฝ่ายตะวันตกส่งความช่วยเหลือให้แก่กรุงเคียฟ ส่งผลให้การรุกโจมตีของฝ่ายตนในยูเครนต้องเชื่องช้าลง แต่จะไม่สามารถสกัดกั้นชัยชนะของแดนหมีขาว ทั้งนี้ หลังจากสื่อดังแฉอเมริกาส่งข่าวกรองช่วยกองทัพยูเครนสามารถล็อกเป้าสังหารนายพลรัสเซียสิบกว่าคน นับจากที่มอสโกเปิดฉากรุกราน ขณะเดียวกัน มีรายงานที่ขัดแย้งกันปรากฏออกมาเกี่ยวกับการช่วยเหลือพลเรือนออกมาจากโรงงานเหล็กที่ถูกปิดล้อมในเมืองมาริอูโปล
“ทั้งสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร นาโต้โดยองค์รวม ต่างส่งมอบข่าวกรอง ... ไปให้แก่กองทัพยูเครนอย่างเป็นการประจำ” ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าว
“เมื่อบวกกับพวกอาวุธที่ประเทศเหล่านี้กำลังส่งไปให้ยูเครน การกระทำทั้งหมดเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนทำให้การปฏิบัติการ (ของรัสเซีย) เสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็วได้” เขากล่าวในการแถลงข่าว
อย่างไรก็ดี เปสคอฟยืนยันว่า ความช่วยเหลือจากภายนอกเหล่านี้ “ไม่สามารถที่จะบดบังการบรรลุความสำเร็จ” ตามเป้าหมายต่างๆ ในการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายรัสเซียได้
เปสคอฟพูดเช่นนี้ เพื่อเป็นการแสดงความเห็นต่อรายงานข่าวเมื่อวันพุธ (4) ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ซึ่งอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายคนของสหรัฐฯว่า นายพลรัสเซียราว 12 คนที่ถูกกองกำลังยูเครนสังหารในช่วงที่รัสเซียรุกรานยูเครนคราวนี้อาจถูกล็อกตกเป็นเป้าหมาย สืบเนื่องจากความช่วยเหลือด้านข่าวกรองของอเมริกา
ถึงแม้ เอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา รีบออกมาแถลงตอบโต้รายงานข่าวชิ้นนี้ว่า “ไร้ความรับผิดชอบ” พร้อมแจงว่า วอชิงตันให้ข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับสถานการณ์ในสนามรบเพื่อช่วยให้ยูเครนปกป้องประเทศ ไม่ได้มีเจตนาในการสังหารนายทหารอาวุโสของรัสเซียแต่อย่างใด
กระนั้นก็ตาม การที่รัสเซียสูญเสียนายทหารระดับสูงหลายคน เป็นเรื่องซึ่งสร้างความประหลาดใจแก่พวกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของตะวันตกที่ยืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนมีนาคมว่า มีนายทหารระดับสูงของรัสเซียถูกสังหารในสงครามยูเครน 7 คน แม้นับจากนั้นเคียฟประกาศว่า สังหารนายพลรัสเซียเพิ่มอีกหลายคนก็ตาม
เจ้าหน้าที่ตะวันตกระบุในเดือนมีนาคมว่า การที่ทหารรัสเซียมีขวัญและกำลังใจต่ำทำให้พวกระดับนายพลต้องมีส่วนร่วมในแนวหน้ามากขึ้น นอกจากนั้น ยังเป็นเพราะแนวโน้มปัญหาการสื่อสารและโลจิสติกส์ของทางฝั่งรัสเซียที่ทำให้นายทหารอาวุโสต้องใช้ช่องทางสื่อสารที่ไม่ได้เข้ารหัส จึงทำให้กองกำลังยูเครนสืบค้นตำแหน่งได้
ทว่า รายงานของนิวยอร์กไทมส์ชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยูเครนประสบความสำเร็จในการสังหารนายทหารระดับสูงของรัสเซียคือ การได้รับความช่วยเหลือโดยตรงจากหน่วยข่าวกรองของอเมริกาและชาติตะวันตกอื่นๆ
สื่อชั้นนำแห่งนี้แจงว่า อเมริกาให้รายละเอียดศูนย์บัญชาการเคลื่อนที่ของทัพรัสเซียซึ่งย้ายที่ตั้งบ่อยครั้ง และกองกำลังยูเครนใช้ข้อมูลนั้นควบคู่กับข้อมูลของตัวเองในการเข้าโจมตีนายทหารอาวุโสของรัสเซีย
ทั้งนี้ เมื่อช่วงที่สงครามเริ่มต้นขึ้น เพนตากอนยังระมัดระวังโดยระบุว่า ยูเครนได้รับแค่อาวุธสำหรับการป้องกันประเทศเท่านั้น ทว่าช่วงหลังๆ มานี้ วอชิงตันประกาศจัดส่งอาวุธสำหรับการรุกโจมตี เช่น ปืนใหญ่ เฮลิคอปเตอร์ และโดรนโจมตีให้เคียฟ
อเมริกายังเกริ่นเรื่องการฝึกทหารยูเครน ซึ่งรวมถึงการจัดฝึกในเยอรมนี เพื่อให้เรียนรู้การใช้อาวุธที่ได้รับจากพันธมิตร
นอกจากนั้น แทนที่จะกล่าวเหมือนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า ต้องการช่วยให้ยูเครนอยู่รอดเท่านั้น ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวระหว่างเยือนเคียฟเมื่อปลายเดือนเมษายนว่า เป้าหมายในสงครามขณะนี้คือทำให้รัสเซียง่อยเปลี้ยจนไม่สามารถรุกรานประเทศใดได้อีกในระยะยาว
รัสเซียหยุดยิงที่โรงงานเหล็กอาซอฟสตัล
สำหรับสถานการณ์การสู้รบนั้น กองทัพรัสเซียประกาศยุติกิจกรรมทางทหารในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัลในเมืองมาริอูโปล 3 วันนับจากวันพฤหัสฯ (5) เพื่อให้ยูเครนอพยพพลเรือนออกจากโรงงานดังกล่าว
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า ยูเครนพร้อมรับประกันการหยุดยิงในมาริอูโปลเช่นเดียวกัน และสำทับว่า การนำพลเรือนออกจากบังเกอร์ใต้ดินในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัลต้องใช้เวลา เนื่องจากไม่สามารถใช้เครื่องมือหนักเคลียร์ซากปรักหักพังได้
ขณะเดียวกัน เดนิส โปรโกเปนโก ผู้บัญชาการกองพันอาซอฟของยูเครน เผยเมื่อคืนวันพุธว่า นักรบยูเครนในโรงงานอาซอฟสตัลต่อสู้อย่างยากลำบาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารยูเครนสำทับว่า รัสเซียถล่มโรงงานแห่งนี้อย่างหนัก ซึ่งรวมถึงการโจมตีทางอากาศ
ทั้งนี้ รัสเซียประกาศชัยชนะในมาริอูโปลเมื่อวันที่ 21 เม.ย. หลังปิดล้อมและโจมตีนานหลายสัปดาห์ โดยที่ยังมีกำลังทหารเดนตายของยูเครนจำนวนหนึ่งซึ่งฝ่ายรัสเซียให้ตัวเลขว่า 2,000 คน พร้อมกับพลเรือนอีกส่วนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในโรงงานอาซอฟสตัลที่มีขนาดใหญ่มหึมา และมีอุโมงค์ใต้ดินสลับซับซ้อน
มาริอูโปลเป็นเป้าหมายสำคัญของรัสเซียที่ต้องการตัดขาดยูเครนจากทะเลดำ ซึ่งเป็นช่องทางในการส่งออกธัญพืชและโลหะ และยังเชื่อมต่อกับดินแดนที่รัสเซียควบคุมอยู่ทางด้านตะวันออกของยูเครนกับไครเมียที่มอสโกเข้าผนวกตั้งแต่ปี 2014
สัปดาห์นี้ สหประชาชาติ และคณะกรรมการกาชาดสากลช่วยอพยพพลเรือนหลายร้อยคนออกจากมาริอูโปลและพื้นที่อื่นๆ กระนั้น เจ้าหน้าที่ยูเครนคาดว่า ยังมีพลเรือนราว 200 คน อยู่ในโรงงานอาซอฟสตัล
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด กองทัพยูเครนออกคำแถลงในวันพฤหัสบดี (5) อ้างว่า รัสเซียยังคง “กำลังพยายามทำลาย” กองกำลังยูเครนที่ยังเหลืออยู่ภายในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัล และบอกอีกว่า “ด้วยความสนับสนุนของเครื่องบิน รัสเซียได้เปิดการรุกขึ้นมาอีกเพื่อพยายามเข้าควบคุมโรงงานแห่งนี้”
นอกจากที่มาริอูโปล รัสเซียยังเข้าโจมตีพื้นที่อื่นๆ ทางด้านตะวันออกของยูเครน เช่น ในเขตดอนบาสที่เมืองครามาตอร์สก ซึ่งฝ่ายยูเครนอ้างว่าส่งผลให้พลเรือนอย่างน้อย 25 คนได้รับบาดเจ็บ
ในส่วนแผนกดดันรัสเซียให้ยุติสงครามด้วยมาตรการแซงก์ชันนั้น แหล่งข่าวคนหนึ่งเผยว่า ประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป อาจบรรลุข้อตกลงอย่างเร็วที่สุดในวันพฤหัสฯ เกี่ยวกับแผนห้ามการนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายใน 6 เดือน และผลิตภัณฑ์จากการกลั่นน้ำมันภายในปลายปีนี้ ถึงแม้มีหลายประเทศแสดงท่าทีไม่เอาด้วยกับมาตรการเช่นนี้ ซึ่งสมาชิกทั้ง 27 ชาติจะต้องเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์จึงจะสามารถบังคับใช้ได้
ทางด้านเครมลินนั้นเผยว่า กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้แผนการของอียู ซึ่งจะสร้างภาระหนักให้พลเมืองยุโรปเอง
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)