ภาพถ่ายดาวเทียมของบริษัทอเมริกัน เผยรัสเซียนำเอา โลมา ที่ผ่านการฝึกแล้วมาเลี้ยงไว้ที่บริเวณทางเข้าท่าเรือหลักของตนในทะเลดำ คาดว่าน่าจะมีเป้าหมายในการช่วยป้องกันฐานทัพเรือสำคัญมากของเครมลินในบริเวณดังกล่าว นักวิเคราะห์ด้านนาวีของสหรัฐฯ ระบุ
ภาพถ่ายดาวเทียมที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ได้รับมาจากแมกซาร์ เทคโนโลยีส์ บริษัทเทคโนโลยีดาวเทียมของอเมริกา เผยให้เห็นคอกเลี้ยงโลมา จำนวน 2 คอก บริเวณทางเข้าท่าเรือเมืองเซวาสโตโปล ในแหลมไครเมีย ที่กองทัพรัสเซียเข้าไปยึดจากยูเครน และมอสโกผนวกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2014
เอช ไอ ซัตตัน นักวิเคราะห์ด้านเรือดำน้ำที่รายงานเรื่องโลมาเหล่านี้ต่อสถาบันนาวีสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (27 เม.ย.) กล่าวว่า คอกโลมาทั้ง 2 คอกถูกย้ายไปยังบริเวณดังกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเดียวกับที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน
ซัตตัน เสริมว่า รัสเซียอาจใช้โลมาเพื่อขัดขวางพวกนักประดาน้ำระดับชำนาญการพิเศษของยูเครน ที่อาจพยายามบุกเข้าสู่ท่าเรือเพื่อโจมตีก่อวินาศกรรมเรือรบของรัสเซีย โดยที่ก่อนหน้านี้ ทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างเคยฝึกพวกสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม ให้แสดงบทบาทเช่นนี้มาแล้ว
ทางด้านโฆษกของบริษัทแมกซาร์ ระบุไว้ในอีเมลที่ส่งถึงวอชิงตันโพสต์ว่า เห็นด้วยกับการวิเคราะห์และคำอธิบายของซัตตัน เกี่ยวกับคอกโลมาตามภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด
ทั้งนี้ เรือรบบางส่วนของรัสเซียจอดอยู่ในท่าเรือเซวาสโตโปล ซึ่งเป็นพื้นที่ไกลเกินกว่าพิสัยการโจมตีของขีปนาวุธยูเครน โดยที่ก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ เรือลาดตระเวน “มอสกวา” ซึ่งเป็นเรือธงของกองเรือภาคทะเลดำของรัสเซีย อับปางหลังจากถูกยิงด้วยขีปนาวุธยูเครน 2 ลูก ส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อแสนยานุภาพทางทะเลของรัสเซีย พวกเจ้าหน้าที่อเมริกาและยูเครนระบุ
อย่างไรก็ดี เมื่อวันพฤหัสบดี (28) กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรระบุในรายงานสถานการณ์การสู้รบในยูเครน ซึ่งเผยแพร่ออกมาเป็นประจำ ว่า รัสเซียยังคงรักษาความสามารถในการโจมตีเป้าหมายต่างๆ และบริเวณชายฝั่งของยูเครนเอาไว้ได้ ถึงแม้สูญเสียเรือมอสกวา รวมทั้งเรือยกพลขึ้นบก “ซาราตอฟ” ก่อนหน้านั้นก็ตาม
ทางกระทรวงกล่าวในโพสต์ทางทวิตเตอร์ว่า ยังคงมีเรือของนาวีรัสเซียราว 20 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเรือดำน้ำหลายลำอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการทะเลดำ ถึงแม้จากการที่ตุรกีประกาศปิดช่องแคบบอสฟอรัสไม่ให้เรือรบของชาติอื่นๆ นอกเหนือจากของตุรกีเองแล่นผ่าน ยังคงทำให้รัสเซียไม่สามารถนำแสนยานุภาพทางนาวีใหม่ๆ มายังทะเลดำเพื่อทดแทนเรือรบมอสกวา ก็ตามที
ในรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์บอกว่า นับจากทศวรรษ 1960 กองทัพเรือสหรัฐฯได้ฝึกโลมาและสิงโตทะเลให้ช่วยปกป้องภัยคุกคามใต้น้ำ ซึ่งจากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญทางทะเลนั้น โลมาเป็นสัตว์ที่มีระบบโซนาร์ธรรมชาติซึ่งซับซ้อนที่สุดเท่าที่นักวิจัยรู้จัก จึงสามารถตรวจจับทุ่นระเบิดหรือวัตถุที่อาจเป็นอันตรายใต้ทะเลได้อย่างง่ายดายกว่าเครื่องโซนาร์อิเล็กทรอนิกส์มาก
อีกด้านหนึ่ง มีรายงานเช่นกันว่า ในยุคโซเวียต รัสเซียใช้ฐานทัพเรือเซวาสโตโปล ในการฝึกโลมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารเช่นกัน เช่น แอบนำระเบิดไปติดตั้งที่เรือ หรือค้นหาทุ่นระเบิด ทว่า ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า รัสเซียเคยใช้โลมาในปฏิบัติการทางทหารจริงๆ หรือไม่
หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย ทางกองทัพเรือยูเครนได้รื้อฟื้นโครงการเซวาสโตโปลขึ้นมาอีกครั้งในปี 2012 ทว่าเมื่อแหลมไครเมียถูกรัสเซียบุกยึดแบบสายฟ้าแลบในปี 2014 สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมในโครงการก็ตกอยู่ในมือของฝ่ายรัสเซีย แม้ยูเครนเรียกร้องขอคืน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และสำนักข่าว อาร์ไอเอ โนวอสติ ของแดนหมีขาวรายงานในเวลานั้นว่า มอสโกวางแผนจะขยายโปรแกรมนี้
“พวกผู้ชำนาญการพิเศษของเราได้พัฒนาเครื่องมืออุปกรณ์ใหม่ๆ ที่สามารถแปลงการตรวจจับเป้าหมายใต้น้ำด้วยระบบโซนาร์ธรรมชาติของโลมา ให้กลายเป็นสัญญาณขึ้นจอมอนิเตอร์ของมนุษย์ที่เป็นผู้ปฏิบัติงานได้ กองทัพเรือยูเครนนั้นขาดแคลนเงินทุนที่จะใช้สำหรับโนว์ฮาวอย่างนี้ และดังนั้นบางโปรเจกต์จึงถูกทิ้งขว้างไป” แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกกับอาร์ไอเอ โนวอสติ
อีก 2 ปีต่อมา กองทัพเรือรัสเซียได้ประกาศแผนการซื้อโลมา เพิ่มขึ้น 5 ตัว และเริ่มกระบวนการประกวดราคาเพื่อทำสัญญาจัดซื้อมูลค่า 1.75 ล้านรูเบิล หรือราวๆ 21,000 ล้านดอลลาร์ โดยให้ผู้ชนะจัดส่งโลมาดังกล่าวมายังฐานทัพเซวาสโตโปลก่อนสิ้นฤดูร้อน ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า โลมาซึ่งเชื่อกันว่าถูกนำไว้ตรงปากทางเข้าท่าเรือเซวาสโตโปลในเวลานี้ เป็นพวกเดียวกันกับที่มาจากการประกวดราคาหรือไม่
นอกจากที่เซวาสโตโปลแล้ว เมื่อปี 2018 ยังมีภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นว่ารัสเซียใช้โลมาในฐานทัพเรือที่เมืองตาร์ตุสในซีเรีย ในระหว่างสงครามซีเรีย
ในปี 2019 มีผู้พบวาฬเบลูกาตัวหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือน้ำในนอร์เวย์ในสภาพสวมสายรัดแปลกๆ ที่อาจติดกล้องไว้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลของนอร์เวย์คาดว่า วาฬตัวดังกล่าวอยู่ในโครงการฝึกด้านนาวีรัสเซีย และวาฬตัวนั้นถูกตั้งชื่อว่า “Hvaldimir” (ฮวาลดิมีร์) ซึ่งเป็นการนำเอาคำว่าวาฬในภาษานอร์เวย์ มาผสมกับ วลาดิมีร์ ที่เป็นชื่อต้นของประธานาธิบดีปูติน
(ที่มา : วอชิงตันโพสต์/การ์เดียน/รอยเตอร์)