ราคาน้ำมันปรับลดในวันอังคาร (3 พ.ค.) จากความกังวลทางอุปสงค์ สืบเนื่องจากการล็อกดาวน์ยืดเยื้อสกัดโควิด-19 ในจีน ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุนจากหุ้นการเงิน ก่อนการประชุมเฟด ขณะที่ทองคำดีดตัวขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 2.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฏาคม ลดลง 2.61 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปักกิ่ง ซึ่งรายงานพบเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันหลายสิบคน กำลังตรวจเชื้อหมู่ชาวบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์แบบเดียวกับเซี่ยงไฮ้เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะเดียวกัน ร้านอาหารต่างๆ ในเมืองหลวงถูกสั่งให้ปิดบริการและอาคารบางแห่งถูกห้ามเข้าออก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (3 พ.ค.) ปิดบวก ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและบริษัทขนาดใหญ่ ในขณะที่นักลงทุนจับตาด้วยความระมัดระวังเกี่ยวกับความสามารถของธนาคากลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการสยบเงินเฟ้อโดยไม่ให้กระทบการเติบโต
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 67.29 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,128.79 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 20.10 จุด (0.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,175.48 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 27.74 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,536.76 จุด
ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน 2 วันในวันอังคาร (3 พ.ค.) และนักลงทุนมองว่ามีโอกาสถึง 99.9% ที่ทางเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในวันพุธ (4 พ.ค.) ซึ่งถือว่าเป็นการปรับขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2000
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจะจับตาไปที่การแถลงข่าวของ เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดในวันพุธ (4 พ.ค.) ที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเส้นทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตและการลดขนาดงบดุล
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร (3 พ.ค.) ปิดบวก หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และดอลลาร์อ่อนตัวลง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,870.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/มาร์เก็ตวอตช์)