ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) จากข่าวยุโรปอาจแบนนำเข้าพลังงานรัสเซียอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบจากแรงฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะที่ทองคำปรับลดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 2.92 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่าสหภาพยุโรปกำลังมุ่งหน้าสู่การแบนน้ำมันรัสเซียอย่างค่อยเป็นค่อยไป เปิดทางให้เยอรมนีและประเทศอื่นๆ มีเวลาสำหรับเตรียมการจัดหาผู้ส่งมอบรายอื่น
แอนดี ลิโพว์ นักวิเคราะห์จากลิโพว์ ออย แอสโซซิเอตส์ ในฮิวสตัน ระบุว่า "การแบนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนจะบีบให้ผู้ซื้อยุโรปแสวงหาแหล่งพลังงานอื่น ซึ่งบางส่วนในระยะสั้นนี้อาจได้จากคลังปิโตรเลียมสำรองที่ปล่อยออกมา แต่ในอนาคตจำเป็นต้องควานหาอุปทานเพิ่มเติม"
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) ปิดลบตามแรงฉุดของกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดาวโจนส์ ลดลง 113.36 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,451.23 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 54.00 จุด (1.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,392.59 จุด แนสแดค ลดลง 292.51 จุด (2.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,351.08 จุด
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเหนือ 2.8% กลับมาดีดตัวอีกครั้ง หลังจากปรับลดในวันพุธ (13 เม.ย.) ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้น ทั้งนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรถูกมองในฐานะเป็นตัวแทนของอัตราดอกเบี้ย
โดยทั่วไปแล้วหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตอบสนองในแง่ลบต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สืบเนื่องจากพวกเขาพึ่งพิงหนี้มากกว่าเมื่อเทียบกับเหล่าบริษัทในภาคอื่นๆ
ความกังวลเกี่ยวกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สืบเนื่องจากการกระชับนโยบายทางการเงินของเฟด บดบังรายงานฉบับหนึ่งซึ่งเผยให้เห็นว่า การเติบโตของตัวเลขค้าปลีกอ่อนแอเกินคาดหมายในเดือนมีนาคม และรายงานผลประกอบการที่ผสมผสานของเหล่าสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่
ด้านราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (13 เม.ย.) ขยับลง หลังจากก่อนหน้านี้ปิดบวกมา 5 วันติด โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 9.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,974.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)