ราคาน้ำมันขยับลงราว 4% ในวันจันทร์ (11 เม.ย.) เบรนต์ปรับลดต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากแผนระบายคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ และจีนเดินหน้าล็อกดาวน์สกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบหนัก และทองคำขึ้น 3 วันติด ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ข้อมูลเงินเฟ้ออันสำคัญในช่วงกลางสัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 3.97 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 4.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 98.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ หรือหนึ่งวันหลังจากกองกำลังรัสเซียรุกรานยูเครน ความเคลื่อนไหวที่มอสโกเรียกว่าเป็นปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร
เพื่อชดเชยน้ำมันดิบของรัสเซียที่ขาดหายไป สืบเนื่องจากมอสโกถูกคว่ำบาตร บรรดาประเทศสมาชิกทบวงพลังงานสากล (ไออีเอ) จะปล่อยน้ำมันดิบจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์รวมกัน 60 ล้านบาร์เรลในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เพิ่มเติมจากสหรัฐฯ ซึ่งเผยว่าจะระบายคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ 180 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาสถานการณ์ในจีน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ มหานครที่มีประชากร 26 ล้านคน ภายใต้นโยบายอดทนเป็นศูนย์สำหรับโควิด-19
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบแรงในวันจันทร์ (11 เม.ย.) นักลงทุนเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยบรรยากาศของการเทขายท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ในขณะที่การดีดตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ฉุดรั้งหุ้นเติบโต ก่อนมีการเผยแพร่ข้อมูลเงินเฟ้ออันสำคัญ
ดาวโจนส์ ลดลง 413.04 จุด (1.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,308.08 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 75.75 จุด (1.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,412.53 จุด แนสแดค ลดลง 299.04 จุด (2.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,411.96 จุด
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี แตะระดับเกือบสูงสุดในรอบ 3 ปี ก่อนมีการเผยแพร่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในวันอังคาร (12 เม.ย.)
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เคยประกาศว่าจะใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และผู้เข้าร่วมตลาดคาดหมายเป็นส่วนใหญ่ว่าธนาคารกลางแห่งนี้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกราว 0.50% ในอีไม่กี่เดือนข้างหน้า
ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เกิดภาวะ inverted yield curve ในวันจันทร์ (11 เม.ย.) โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้แนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.815% โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวอยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.778% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ระดับ 2.799%
ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 5 ปี พุ่งขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีได้เกิดขึ้นในปี 2006 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในอีกเพียงไม่กี่ปีถัดมา
ที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (11 เม.ย.) ปิดบวก 3 วันติด ก่อนมีการเผยแพร่ข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 2.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,948.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)
