มารีน เลอ แปน ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีฝรั่งเศสจากพรรคขวาจัด ออกมาเตือนเมื่อวันพุธ (13 เม.ย.) ให้ยุโรป “หยุดส่งอาวุธ” ให้แก่รัฐบาลยูเครน พร้อมทั้งเรียกร้องให้องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กับรัสเซียกลับมาเชื่อมสัมพันธ์กันอีกครั้ง หลังจากที่สงครามในยูเครนสงบลง
เลอ แปน ซึ่งเป็นนักการเมืองหัวชาตินิยมที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียมานาน ยืนยันด้วยว่า หากเธอโค่นประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ลงได้ในศึกเลือกตั้งผู้นำฝรั่งเศสวันที่ 24 เม.ย.นี้ เธอจะดึงฝรั่งเศสออกจากโครงสร้างการบังคับบัญชาทางทหารของนาโต และลดการสนับสนุนความเป็นสหภาพยุโรป (อียู)
มาครง ซึ่งเป็นนักการเมืองสายกลางโปรอียูต้องเผชิญศึกหนักเพื่อที่จะรั้งเก้าอี้ต่ออีกสมัย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าครัวเรือนฝรั่งเศสที่มีรายได้น้อยเริ่มได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามในยูเครน ขณะที่หุ้นส่วนในยุโรปก็กังวลว่า หาก เลอ แปน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะทำให้อียูขาดความเป็นเอกภาพ ในห้วงเวลาที่ทั้งสหรัฐฯ และยุโรปมุ่งมั่นที่จะแสดงจุดยืนร่วมในการหนุนหลังยูเครน และกดดันให้รัสเซียหยุดทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครน เลอ แปน ตอบว่า หากเธอได้เป็นผู้นำฝรั่งเศสก็จะสนับสนุนยูเครนในด้านการป้องกันตนเองและข่าวกรองต่อไป
“แต่ดิฉันจะสงวนท่าทีมากขึ้นในการส่งอาวุธให้โดยตรง เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะการช่วยเหลือกับการร่วมก่อสงคราม (co-belligerent) มันมีแค่เส้นบางๆ กั้นอยู่” เธอกล่าว
เลอ แปน ยังแสดงความกังวลว่า “หากสงครามถูกยกระดับมากไปกว่านี้ อาจจะทำให้ยุโรปทั้งหมดถูกดึงให้ต้องมีส่วนร่วมในปฏิบัติการทางทหาร”
โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสยืนยันเมื่อวันพุธ (13) ว่า ปารีสได้ส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่าราว 100 ล้านยูโรให้แก่เคียฟในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นไปตามจุดยืนร่วมของกลุ่มชาติตะวันตกที่จะส่งอาวุธไปช่วยยูเครนต่อต้านการบุกของรัสเซีย
ตอนที่รับตำแหน่งประธานาธิบดีใหม่ๆ มาครง เคยพยายามผูกมิตรกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เพื่อเชื่อมสัมพันธ์มอสโกกับตะวันตก และในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน ผู้นำฝรั่งเศสก็ได้พบกับ ปูติน เพื่อโน้มน้าวไม่ให้เกิดสงครามขึ้น ทว่าก็ไม่สำเร็จ หลังจากนั้นมารัฐบาลฝรั่งเศสก็เริ่มสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรมอสโกมากขึ้น และยังรับปากจะมอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนอย่างต่อเนื่อง
ในมุมของ เลอ แปน เธอมองว่าฝรั่งเศสควรมีอิสระในการเลือกใช้นโยบายที่ไม่ต้องอิงกับจุดยืนของนาโตเสมอไป และแม้ว่าทหารรัสเซียจะกระทำการโหดร้ายป่าเถื่อนในยูเครนมากแค่ไหน แต่เธอเชื่อว่านาโตควรที่จะแสวงหา “การคืนดีในเชิงยุทธศาสตร์” (strategic rapprochement) กับรัสเซียทันทีที่สงครามยุติลง ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้รัสเซียหันไปจับมือกับ “จีน” สร้างกลุ่มพันธมิตรที่เข้มแข็งท้าทายตะวันตก
ที่มา : เอพี