เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ระบุในวันพุธ (6 เม.ย.) ไม่พบสัญญาณประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ละทิ้งความทะเยอทะยานในการควบคุมทั้งยูเครน และสงครามอาจลากยาวกินเวลานานหลายปี
สโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่า ความขัดแย้งมาถึง "ขั้นที่สำคัญยิ่ง" ในขณะที่มอสโกเคลื่อนกองกำลังสู้รบออกจากทางเหนือของยูเครน และติดอาวุธใหม่ให้ทหารเหล่านั้น ในการเตรียมพร้อมสำหรับเปิดฉากรุกรานครั้งใหญ่ทางภาคตะวันออก
"สิ่งที่เราเห็นคือ ไม่พบข้อบ่งชี้ใดๆ ว่าประธานาธิบดีปูติน เปลี่ยนความทะเยอทะยานควบคุมทั่วทั้งยูเครน และเขียนกฎระเบียบโลกขึ้นมาใหม่" เลขาธิการนาโต้กล่าวก่อนหน้าการประชุมบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของพันธมิตรแห่งนี้
"เราจำเป็นต้องมองความเป็นจริงและตระหนักว่านี่อาจกินเวลายาวนาน นานหลายเดือน หรือแม้กระทั่งหลายปี และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับเส้นทางที่ยาวไกลเช่นกัน ทั้งในแง่ให้การสนับสนุนยูเครน คงไว้ซึ่งการคว่ำบาตร และเสริมการป้องกันตนเองของเรา"
บรรดาพันธมิตรนาโต้ได้จัดหาอาวุธสำคัญๆ มอบแก่ยูเครน ในนั้นรวมถึงจรวดต่อต้านรถถังและจรวดต่อต้านขีปนาวุธ ซึ่งช่วยให้กองกำลังยูเครนนสามารถตีโต้จนทหารรัสเซียต้องล่าถอย
เคียฟร้องขออาวุธที่มีอานุภาพมากกว่าเดิม ในนั้นรวมถึงรถถัง อากาศยาน ระบบป้องกันภัยทางอากาศและปืนใหญ่ ในขณะที่พวกเขาต้องการเสริมแนวป้องกันรับมือการจู่โจมทางภาคตะวันออก
"ยูเครนต้องการแรงสนับสนุนด้านการทหารอย่างเร่งด่วน" สโตลเทนเบิร์ก ระบุ "นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันจึงสำคัญมากที่พันธมิตรนาโต้ต้องเห็นพ้องให้การสนับสนุนยูเครนเพิ่มเติมด้วยยุทโธปกรณ์ทางทหารต่างๆ ทั้งอาวุธหนักที่มีอานุภาพมากกว่าเดิม แต่ก็รวมถึงระบบอาวุธเบาเช่นกัน"
ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน มีกำหนดร่วมประชุม 2 วันกับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศนาโต้ในบรัสเซลส์
ที่ผ่านมา นาโต้ปฏิเสธเข้าแทรกแซงโดยตรงในสงครามในยูเครน ซึ่งไม่ได้เป็นชาติสมาชิก ด้วยความกังวลว่ามันอาจกลายเป็นการเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซีย ที่อาจลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม นาโต้รุดส่งทหารหลายหมื่นนายเสริมกำลังตามปีกตะวันออกของพันธมิตร และกำลังเล็งเสริมกำลังพลครั้งใหญ่ในการป้องปรามภัยคุกคามใดๆ จากรัสเซีย "โดยไม่คำนึงว่าสงครามจะยุติลงเมื่อใด มันเกี่ยวข้องในระยะยาวกับความมั่นคงของเรา เพราะว่าเราได้เห็นความโหดเหี้ยมนั้นแล้ว" สโตลเทนเบิร์กกล่าว "เราได้เห็นความตั้งใจของประธานาธิบดีปูติน ในการใช้กำลังทหารเพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆ ของเขา"
(ที่มา : เอเอฟพี)
