xs
xsm
sm
md
lg

‘เซเลนสกี’ เสียงอ่อนหวังเจรจายุติสงครามลุล่วง แต่ฝ่ายข่าวกรองโวยเครมลินมีแผนเฉือน ‘ยูเครน’ เป็น 2 เสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัสเซีย-ยูเครนนัดเจรจารอบใหม่ในวันจันทร์ (28 มี.ค.) ที่ “เซเลนสกี” หวังว่าจะนำมาซึ่งสันติภาพโดยไม่ชักช้า และส่งสัญญาณพร้อมประนีประนอมประเด็นอ่อนไหวที่สุด กระนั้น ยังต้องจับตาว่าคำพูดของไบเดนที่อาจตีความได้ว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบในรัสเซีย จะทำให้การเจรจานี้สะดุดอีกหรือไม่ อย่างไรก็ดี ในอีกด้านหนึ่งผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครนอ้างว่า หลังจากยึดเคียฟไม่สำเร็จ ปูตินได้เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการแบ่งแยกยูเครนแบบเดียวกับเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวยกย่องการฟื้นการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซีย โดยระหว่างการปราศรัยผ่านวิดีโอถึงประชาชนเมื่อคืนวันอาทิตย์ (27) เขาบอกว่า เป้าหมายสำคัญอันดับแรกในการเจรจาคราวนี้ซึ่งจะจัดขึ้นในนครอิสตันบูลของตุรกี คือ บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน โดยต้องมีบุคคลที่สามรับรองข้อตกลงสันติภาพ และต้องผ่านการทำประชามติโดยชาวยูเครน

อย่างไรก็ดี ระหว่างให้สัมภาษณ์นักข่าวรัสเซียก่อนหน้านั้น เซเลนสกีแสดงท่าทีอ่อนข้อกว่านี้มาก โดยบอกว่า ยินดีพิจารณาข้อเรียกร้องของรัสเซียเกี่ยวกับสถานะความเป็นกลางของยูเครน รวมทั้งพร้อมประนีประนอมเกี่ยวกับสถานะของเขตดอนบาสส์ ทางด้านตะวันออกของยูเครน

ทั้งนี้ ยูเครนและรัสเซียไม่ได้หารือแบบพบปะพบหน้ากันจริงๆ มาหลายสัปดาห์ โดยมีแต่การพูดจาผ่านวิดีโอลิงก์ สำหรับการเจรจาครั้งนี้ เดวิด อะแรคคาเมีย สมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญของเซเลนสกี คือตัวแทนเจรจาของฝ่ายยูเครน เขาเผยว่าจะหารือจะใช้เวลา 3 วันตั้งแต่วันจันทร์

การเจรจาหลายรอบก่อนหน้านี้ไม่สามารถยุติสงครามจากการรุกรานของรัสเซียที่ล่วงเข้าสู่เดือนที่สอง ซึ่งเซเลนสกีระบุว่า มีผู้เสียชีวิตราว 20,000 คน และประชาชน 10 ล้านคนต้องทิ้งบ้าน หลายเมืองถูกถล่มยับเยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองมาริอูโปล เมืองท่าสำคัญทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ฝ่ายยูเครนระบุว่ายังมีพลเรือนเหลืออยู่ราว 170,000 คน และถูกกองทัพรัสเซียล้อมเอาไว้ในสภาพที่ขาดแคลนทั้งน้ำ อาหาร และยา

เมื่อวันศุกร์ (25) กระทรวงกลาโหมรัสเซียจัดการแถลงข่าว “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของตนในยูเครน ซึ่งดำเนินมา 1 เดือน โดยอ้างว่าสิ่งต่างๆ เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ และสามารถบรรลุเป้าหมายหลักๆ ทั้งหมดของขั้นตอนแรกของการปฏิบัติการได้อย่างสมบูรณ์ โดยที่สำคัญคือการลดทอนศักยภาพทางการทหารของฝ่ายยูเครนลงไปอย่างสำคัญ เป็นต้นว่า กำลังทางอากาศและกำลังป้องกันทางอากาศถูกทำลายแทบหมดสิ้น ขณะที่กองทัพเรือยูเครน “ไม่ดำรงอยู่อีกต่อไปแล้ว” ส่วนกำลังภาคพื้นดินก็ “ประสบความสูญเสียอย่างสำคัญ”

ด้าน พล.ท.เซียร์เก รุดสกอย รองเสนาธิการใหญ่ของกองทัพรัสเซีย แถลงอธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อทำลายศักยภาพทางทหารของฝ่ายยูเครนได้มากมายเช่นนี้ เวลานี้รัสเซียจึงสามารถรวมศูนย์กำลังมากระทำเป้าหมายสำคัญที่สุด ซึ่งได้แก่ “การปลดแอกดินแดนดอนบาสส์”

อย่างไรก็ดี สื่อตะวันตกกระแสหลักนั้นเชื่อถือข่าวกรองทางทหารของฝ่ายตะวันตกที่ระบุว่า กองทัพรัสเซียประสบกับการต่อต้านจนกระทั่งยอมรับว่าไม่สามารถตีกรุงเคียฟได้ และตีความคำพูดของรุดสกอยว่า คือการปรับแผนยอมรับว่าไม่สามารถยึดครองยูเครนทั้งประเทศได้แล้ว ต้องเน้นเฉพาะเขตดอนบาสส์เท่านั้น

ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่เคยระบุเป้าหมายการรุกรานชัดเจน นอกจากบอกว่า ต้องการให้ยูเครนเป็นเขตปลอดทหารและปลอดลัทธินาซี แต่ไม่คิดยึดครองยูเครนนั้น ก็ทำให้นักวิจารณ์ฝ่ายตะวันตกหลายคนตีความต่อไปว่า การตั้งเป้าหมายที่คลุมเครือเช่นนี้จะทำให้ปูตินสามารถยอมรับข้อตกลงชนิดที่แค่พอให้สามารถอวดอ้างชัยชนะและยุติสงคราม

เหล่านี้ทำให้เกิดบรรยากาศแห่งความหวังขึ้นมาในระดับหนึ่งว่า การเจรจาสันติภาพที่อิสตันบูลครั้งนี้ อาจจะมีความคืบหน้าอย่างเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาได้

กระนั้น ยังต้องรอดูว่าการเจรจาสันติภาพรอบนี้จะเจอแรงเหวี่ยงแค่ไหนจากคำพูดแบบด้นสดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา ระหว่างที่เขาเยือนโปแลนด์เมื่อวันเสาร์ (26) โดยที่นอกจากเขาบอกว่าว่า ปูติน เป็น “นักเชือด” ในโรงฆ่าสัตว์แล้ว ยังกล่าวต่อไปว่า ปูตินไม่อาจอยู่ในอำนาจได้อีกต่อไปแล้ว

การด้นสดดังกล่าวของไบเดนสร้างความขุ่นเคืองอย่างมากในมอสโก อีกทั้งยังดูเหมือนบั่นทอนความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ เองในการโชว์ความเป็นเอกภาพของตะวันตก

ต่อมาในวันอาทิตย์ (27) เมื่อถูกนักข่าวถามว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบในรัสเซียหรือไม่ ไบเดนตอบทันทีว่า “ไม่”

เช่นเดียวกับโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่กล่าวกับสื่อว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) และประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่มีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงระบอบปกครองในรัสเซีย

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เตือนว่า คำพูดหรือการกระทำที่ยั่วยุอาจทำลายความพยายามของตนในการหารือกับปูตินเพื่อตกลงเกี่ยวกับการอพยพพลเรือนออกจากมาริอูโปล

ในอีกด้านหนึ่ง คีรีโล บูดานอฟ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครน ออกมาแถลงว่า หลังจากความล้มเหลวของรัสเซียในการยึดกรุงเคียฟและโค่นรัฐบาลยูเครน เวลานี้ ปูตินได้เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการแบ่งแยกยูเครนแบบเดียวกับเกาหลีเหนือ-ใต้ โดยแบ่งเป็นเขตที่รัสเซียยึดครองและเขตที่รัสเซียไม่ได้ยึดครอง

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, ทาสส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น