รอยเตอร์ - เซเลนสกีลั่นการยึดเมืองมาริอูโพลของรัสเซียคือความสยดสยองที่จะถูกจดจำไปอีกหลายศตวรรษ ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยชาวเมืองหลายพันคนถูกบังคับกวาดต้อนข้ามพรมแดนไปรัสเซีย
สภาเมืองมาริอูโพลแถลงเมื่อวันเสาร์ (19 มี.ค.) ว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวเมืองหลายพันคนถูกพาข้ามพรมแดนไปยังรัสเซีย ขณะที่สำนักข่าวหลายแห่งของรัสเซียรายงานเช่นเดียวกันว่า มีรถบัสหลายคันนำชาวมาริอูโพลหลายร้อยคนที่มอสโกระบุว่าเป็นผู้อพยพข้ามแดนเข้าสู่รัสเซียในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
สภาเมืองมาริอูโพลสำทับว่า กองกำลังรัสเซียถล่มโรงเรียนศิลปะของเมืองที่มีประชาชน 400 คนหลบภัยอยู่เมื่อวันเสาร์ แต่ยังไม่ทราบตัวเลขผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และรอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันข่าวนี้ได้ ขณะที่รัสเซียปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีพลเรือน
ทั้งนี้ ประชาชน 400,000 คนติดอยู่ในมาริอูโพลมากว่า 2 สัปดาห์ ขณะที่รัสเซียพยายามเข้ายึดเมืองนี้ ซึ่งจะช่วยให้คาบสมุทรไครเมียที่มอสโกเข้าผนวกเมื่อปี 2014 มีเส้นทางเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ที่ปลอดภัย
เจ้าหน้าที่มาริอูโพลเผยว่า การระดมโจมตีไม่หยุดหย่อนของรัสเซียทำให้อาคารมากมายเหลือแต่ซาก ไฟฟ้า น้ำประปา และระบบความร้อนใช้การไม่ได้ และหน่วยกู้ภัยยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตในโรงละครที่ถูกมอสโกถล่มทางอากาศราบเป็นหน้ากลองเมื่อวันพุธ (16 มี.ค.) แต่รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นฝีมือตน
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน แถลงเมื่อคืนวันเสาร์ว่า การยึดมาริอูโพลจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ว่า เป็นการดำเนินการของอาชญากรสงคราม และเป็นความสยดสยองที่จะถูกจดจำไปอีกหลายศตวรรษ ถึงกระนั้น เขากล่าวว่า การเจรจาสันติภาพกับรัสเซียมีความจำเป็น แม้ไม่ง่ายดายและไม่น่าพอใจก็ตาม
รองนายกรัฐมนตรีไอรีนา เวเรชชุก ของยูเครนเผยว่า ในวันอาทิตย์จะเปิดเส้นทางอพยพ 7 เส้นทางเพื่อให้พลเรือนหนีจากบริเวณแนวหน้าที่มีการรบ หลังจากที่สามารถอพยพพลเรือนออกมาได้ทั้งสิ้น 190,000 คนเมื่อวันเสาร์
ด้านสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า มีพลเรือนอย่างน้อง 847 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บ 1,399 คนในยูเครนจนถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 มี.ค.) ขณะที่สำนักงานอัยการใหญ่ยูเครนแถลงว่า มีเด็กเสียชีวิต 112 คน
ทางด้านรัสเซีย กระทรวงกลาโหมแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (20 มี.ค.) ว่า รัสเซียถล่มยูเครนด้วยขีปนาวุธร่อนจากเรือในทะเลดำและทะเลแคสเปียน และยังยิงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่เร็วเหนือเสียง 5 เท่าจากน่านฟ้าไครเมียทำลายคลังขีปนาวุธและกระสุนใต้ดินในเขตไอวาโน-แฟรงคิฟสก์ ทางตะวันตกของยูเครน และสื่อรัสเซียระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มอสโกโจมตียูเครนด้วยอาวุธไฮเปอร์โซนิก
อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์รายงานว่า กองทัพรัสเซียสูญเสียหนักเช่นเดียวกันนับจากเริ่มบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และขณะนี้ยังไม่สามารถเข้ายึดกรุงเคียฟได้
กองทัพยูเครนแถลงว่า ทหารรัสเซียไม่ได้บุกภาคพื้นดินเมื่อวันเสาร์ แต่มุ่งเน้นการเติมเสบียงและซ่อมแซมอาวุธ นอกจากนั้นระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนยังยิงเฮลิคอปเตอร์โจมตีของรัสเซียตก 3 ลำ
ขณะเดียวกัน เซเลนสกีที่เรียกร้องขอความช่วยเหลือต่างชาติมาโดยตลอด มีกำหนดแถลงต่อรัฐสภาอิสราเอลในช่วง 16.00 น. วันอาทิตย์ตามเวลามาตรฐานเมืองกรีนิช ขณะที่นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ ของอิสราเอลนั้น ได้พูดคุยกับทั้งปูตินและเซเลนสกีหลายครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อพยายามคลี่คลายความขัดแย้ง
สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์รายงานว่า เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย คาดว่า ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนจะยุติลงด้วยการลงนามข้อตกลงที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประเด็นความมั่นคง ซึ่งรวมถึงสถานะประเทศที่เป็นกลางของยูเครน
ทั้งเคียฟและมอสโกระบุว่า การเจรจาในสัปดาห์ที่แล้วมีความคืบหน้าเกี่ยวกับสูตรการเมืองที่จะรับประกันความมั่นคงของยูเครนโดยที่ไม่ต้องเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) แม้ต่างฝ่ายโทษว่าอีกฝ่ายพยายามเตะถ่วงก็ตาม
ขณะเดียวกัน เมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่พยายามเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย เผยว่า รัสเซียและยูเครนใกล้ตกลงกันได้ในประเด็น “สำคัญ” รวมถึงประเด็นอื่นๆ และเขาหวังว่า จะมีข้อตกลงหยุดยิงหากทั้งสองฝ่ายไม่ถอยหลังไปจากจุดนี้