ไฟเซอร์ อิงค์ และพันธมิตรสัญชาติเยอรมนีอย่างไบออนเทค เอสอี ในวันอังคาร (15 มี.ค.) ยื่นคำร้องไปยังผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับขออนุมัติกรณีฉุกเฉินฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นเข็มที่ 2 แก่บุคคลอายุ 65 ปีขึ้นไป
คำร้องที่ยื่นต่อสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงข้อมูลที่รวบรวมในอิสราเอล ประเทศที่อนุมัติฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 แก่บุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ทั้ง 2 บริษัทระบุจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากประชากรวัยผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป พบว่าอัตราผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันและติดเชื้ออาการรุนแรงในกลุ่มบุคคลที่ได้รับเข็มกระตุ้นเพิ่มเติมอย่างต่ำ 4 เดือน หลังจากฉีดเข็มกระตุ้นเข็มแรก (เข็ม 3) จะต่ำกว่ากลุ่มบุคคลที่ได้รับเข็มกระตุ้นเพียงเข็มเดียว
ก่อนหน้านี้บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับสูงของอเมริกา เคยหยิบยกความเป็นไปได้ของการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็ม 4 มาแล้วหลายครั้ง บ่งชี้ว่าการฉีดเพิ่มอีกเข็มอาจมีความจำเป็นสำหรับคนสูงวัย และเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่อาจเผชิญการแพร่ระบาดอีกระลอก
ข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) เผยให้เห็นว่าประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และเข็ม 3 ช่วยฟื้นประสิทธิภาพกลับคืนมา อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เปิดเผยข้อมูลอย่างครอบคลุมในเรื่องของอายุหรือสถานะทางสุขภาพของผู้รับวัคซีน
อัลเบิร์ต บูร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์ บอกกับผู้สื่อข่าวซ้ำหลายรอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าวัคซีนเข็ม 4 จะมีความจำเป็น เพื่อชดเชยประสิทธิภาพการป้องกันที่ค่อยๆ ลดน้อยลงของเข็ม 3
เขาให้สัมภาษณ์กับวอชิงตันโพสต์ในสัปดาห์ที่แล้ว ข้อมูลบ่งชี้ว่าวัคซีนเข็ม 4 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันอย่างน่าทึ่งกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับการฉีดเข็ม 3 ไปได้ราวๆ 3 ถึง 6 เดือน
ความเคลื่อนไหวของไฟเซอร์และไบออนเทค มีขึ้นแม้ว่าข้อมูลจากอิสราเอลก่อนหน้านี้ออกมาผสมผสาน
ในช่วงปลายเดือนมกราคม อิสราเอลอ้างอิงข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าวัคซีนเข็ม 4 ช่วยเพิ่มการป้องกันการติดเชื้อเท่าตัว และเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรง 3 ถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนเข็ม 3
การวิเคราะห์ดังกล่าวออกมาในแง่ดีกว่าผลการศึกษาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอิสราเอลกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งพบว่าวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค เข็ม 4 ที่ฉีดหลังจากเข็ม 3 อย่างน้อย 4 เดือน มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อเพียงแค่ 30% ส่วนวัคซีนเข็ม 4 ของโมเดอร์นา มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อแค่ 11%
แดน บารูช นักวิจัยวัคซนฮาร์วาร์ด กล่าวว่า "คนชราและคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอคือกลุ่มคนที่จะได้ประโยชน์จากการฉีดเข็มกระตุ้นเพิ่มเติมมากที่สุด ผมคิดว่าข้อมูลสนับสนุนในเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนประโยชน์จะค่อนข้างน้อย"
ไฟเซอร์กำลังค้นหาคำตอบว่าวัคซีนเข็ม 4 ของพวกเขาจะมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนในการศึกษาของตนเองที่ใช้อาสมัครราวๆ 600 คน ในขณะที่พวกเขา และโมเดอร์นา กำลังวางเดิมพันว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มเติมจะมีความจำเป็นในการรับมือกับตัวกลายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ปรากฏขึ้นมา
ในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก แต่จีนกลับพบเห็นเคสผู้ติดเชื้อกำลังดีดตัวสูงขึ้น ท่ามกลางการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ในสหราชอาณาจักรและยุโรปเคสผู้ติดเชื้อกลับสู่แนวโน้มขาลง แม้หลายชาติกลับมาเปิดเศรษฐกิจและเวอร์ชันใหม่ของโอมิครอนกำลังแพร่ระบาด
เมื่อเดือนที่แล้ว ไฟเซอร์ประมาณการว่ายอดขายวัคซีนโควิด-19 ในท้ายที่สุดของปี 2022 อาจไม่เป็นไปตามตัวเลขประมาณการสูงสุดในปัจจุบัน ที่คาดหมายไว้ว่าน่าจะโกยยอดขายประมาณ 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2021 ประมาณ 13%
(ที่มา : รอยเตอร์)