เชียงใหม่ - คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าฉีดเข็ม 3 ช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้สูงถึงร้อยละ 68 และป้องกันการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 98 ขณะที่ สสจ.รายงานยอดติดเชื้อรายวันพบตรวจเจอทั้งผู้ป่วยยืนยันและผู้ป่วยเข้าข่ายรวมกันแล้วเกือบ 4,000 รายเหมือนเดิม
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาหาประสิทธิผลของวัคซีนต่อการป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2564 ต่อเนื่องมาจนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565 โดยผลการศึกษาพบว่าในช่วงเดือนมกราคม 2565 จังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านการตรวจด้วยวิธี RT-PCR และ ATK จำนวนทั้งสิ้น 16,532 ราย ส่วนใหญ่เป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ถึงร้อยละ 70-80 และเป็นสายพันธุ์เดลตาเพียงร้อยละ 20-30 โดยมีผู้เสียชีวิต 17 ราย
ขณะที่ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็น 58,508 ราย และเป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 95 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด โดยมีผู้เสียชีวิต 22 ราย ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มักมีโรคประจำตัวร่วมอยู่ด้วย และไม่ได้ฉีดวัคซีนสูงถึงร้อยละ 76 โดยไม่พบการเสียชีวิตในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 3 หรือ 4 เข็มเลย และหากเปรียบเทียบช่วงที่มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา และโอมิครอน จะเห็นได้ว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนมีอัตราการเสียชีวิตลดลงกว่า 16 เท่า
นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์หาประสิทธิผลของวัคซีนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา พบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนจำนวน 2 เข็มมากกว่า 14 วันขึ้นไป สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณร้อยละ 71 ส่วนวัคซีน 3 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 93 ในวัคซีนทุกสูตร และที่สำคัญคือ ช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 97-99 ในผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 และ 3 เข็ม อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้เปลี่ยนเป็นสายพันธุ์โอมิครอนเป็นหลัก แล้วทำการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิผลของวัคซีนอีกครั้ง กลับพบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนเพียง 2 เข็มนั้น ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้เหมือนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ตาม หากได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนในสูตรใดก็ตาม จะสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้สูงถึงร้อยละ 68 และยังช่วยลดการเสียชีวิตได้มากถึงร้อยละ 98 ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และอิสราเอล ที่ใช้วัคซีนชนิด mRNA เป็นหลัก ซึ่งได้เผยแพร่ออกมาในระยะเวลาใกล้เคียงกันว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน 3 เข็มแล้ว จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 50-75 และป้องกันการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 85-99
คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวอีกว่า จากผลการศึกษาดังกล่าวจึงควรเร่งรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ให้ครอบคลุมโดยเร็ว ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดีระดับหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นสายพันธุ์โอมิครอน แต่ที่สำคัญคือจะช่วยป้องกันอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้เข้ามารับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคเรื้อรัง ควบคู่ไปกับมาตรการการป้องกันตนเอง โดยการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่จะดีขึ้น
ขณะเดียวกัน วันนี้ (9 มี.ค. 65) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนมกราคม 2565 จังหวัดเชียงใหม่ประจำวันว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อยืนยันเฉลี่ย 14 วัน จำนวน 279 ราย และมีผู้ติดเชื้อเข้าข่ายเฉลี่ย 14 วัน จำนวน 2,586 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระบบการรักษาจำนวน 15,716 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว คือไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสมรวมเป็นทั้งสิ้น 58 ราย ในส่วนของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันนี้ รายงานแจ้งว่าวันนี้มีผู้ติดเชื้อยืนยันสะสม 15,025ราย เพิ่มขึ้น 267 ราย จากวานนี้ที่มียอดสะสม 14,758 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเข้าข่ายสะสมวันนี้อยู่ที่ 81,670 ราย เพิ่มขึ้น 3,562 ราย จากวานนี้ที่มียอดสะสม 78,108 ราย ซึ่งรวมแล้ววันนี้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 3,829 ราย