เชียงใหม่ - เชียงใหม่ยอดติดเชื้อโควิด-19 รายวันยังพุ่งปรี๊ด ตรวจเจอทั้งผู้ป่วยยืนยันและผู้ป่วยเข้าข่ายรวมกันอีก 3,899 ราย โชคดีส่วนใหญ่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ ขณะที่รองผู้ว่าฯ ระบุการฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด โดยเชียงใหม่ฉีดครอบคลุมแล้ว 90% ของประชากร มากที่สุดติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศ พร้อมเร่งรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดเข็มที่ 3 ขณะที่การรักษาเน้นผู้ป่วยต้องดูแลอาการป่วยด้วยตนเองมากขึ้น
วันนี้ (8 มี.ค. 65) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนมกราคม 2565 จังหวัดเชียงใหม่ว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อยืนยันเฉลี่ย 14 วัน จำนวน 292 ราย และมีผู้ติดเชื้อเข้าข่ายเฉลี่ย 14 วัน จำนวน 2,517 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระบบการรักษาจำนวน 15,346 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว คือไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย สะสมรวมเป็นทั้งสิ้น 57 ราย ในส่วนของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันวันนี้ รายงานแจ้งว่าวันนี้มีผู้ติดเชื้อยืนยันสะสม 14,758 ราย เพิ่มขึ้น 293 ราย จากวานนี้ที่มียอดสะสม 14,465 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเข้าข่ายสะสมวันนี้อยู่ที่ 78,108 ราย เพิ่มขึ้น 3,606 ราย จากวานนี้ที่มียอดสะสม 74,502 ราย ซึ่งรวมแล้ววันนี้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 3,899 ราย
ด้านนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ในขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่รวมถึงทุกจังหวัดในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 มากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการวางแนวทางบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ได้ผ่อนคลายมาตรการให้แก่ประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประชาชนอยู่ได้ไปพร้อมการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เนื่องจากเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 ขึ้น จากเดิมสายพันธุ์เดลตาเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมีคุณสมบัติคือสามารถแพร่กระจายได้เร็วกว่า แต่ความรุนแรงของโรคน้อยกว่าสายพันธุ์เดิม ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ระบุว่า การป้องกันที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ การทำให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วที่สุด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั้ง 25 อำเภอโดยเร็วที่สุด จนทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีสถิติการฉีดวัคซีนสูงเป็นหนึ่งใน 5 จังหวัดทั่วประเทศที่มีการฉีดวัคซีนมากที่สุด โดยมียอดการฉีดวัคซีนกว่าร้อยละ 90 ของประชากรทั้งหมดในจังหวัด ขณะเดียวกันจังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กตั้งแต่อายุ 5-11 ขวบ พร้อมกับมีแคมเปญการรณรงค์ “ละอ่อนน้อยเชียงใหม่ ปลอดภัยจากโควิด” ด้วยการเชิญชวนผู้ปกครองให้นำบุตรหลานมาฉีดวัคซีนพร้อมกับแจกหน้ากากอนามัยในทุกอำเภอ เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้านการศึกษาให้เด็กนักเรียนของเชียงใหม่ โดยเฉพาะที่ต้องเข้าสู่การสอบคัดเลือกเปลี่ยนหรือเลื่อนระดับชั้นเรียนมากที่สุด พร้อมกันนี้ได้จัดรณรงค์การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนเชียงใหม่ ภายใต้โครงการ “คนเชียงใหม่รักกัน แยกกันสักพัก เพื่อป้องกันโควิด-19” เพื่อย้ำเตือนให้ประชาชนมีมาตรการยกระดับป้องกันตนเองที่มากขึ้น สามารถควบคุมโรคไวรัสโคโรนา 2019 ที่แพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่นายแพทย์ กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงการดูแลผู้ป่วยนอก หรือ OP with Self Isolation ที่ผู้ป่วยต้องรักษาด้วยการดูแลอาการป่วยด้วยตนเองมากขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ได้เข้ามาอยู่ในระบบนี้ โดยผู้ติดเชื้อจะได้รับยากลับไปรับประทานพร้อมสังเกตอาการที่บ้าน และจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโทร.ติดตามอาการในช่วง 48 ชั่วโมงหลังได้รับการรักษา ทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีเตียงว่างสำหรับรองรับผู้ป่วยถึงร้อยละ 62 ซึ่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีกลุ่มผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกันจำนวนผู้เสียชีวิตไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนผู้ติดเชื้อ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์โอมิครอน และความครอบคลุมของวัคซีนการรณรงค์ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ทำให้ลดอาการป่วยรุนแรง ลดการเสียชีวิตได้มากขึ้นอย่างชัดเจน
ส่วนผู้ป่วยในกลุ่มสีส้มและกลุ่มสีแดงก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน โดยในภาพรวมหลังจากที่มีการปรับแนวทางและปรับมาตรการการรักษา ทำให้ในช่วงเดือนมีนาคมจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย ในส่วนของโครงการ “ถกแขนเสื้อเตื้อที่ 3 เตรียมต้อนฮับลูกหลานปิ๊กบ้านปี๋ใหม่เมือง” ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่จะมีคนเดินทางกลับภูมิลำเนากันเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่ก็คาดหวังว่าจะมีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 มากขึ้น ซึ่งจะช่วยชะลอการระบาดในวงกว้างและลดอัตราการเสียชีวิตลงด้วย