เชียงใหม่ - เชียงใหม่ยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งไม่หยุด วันเดียวเพิ่มอีกเกือบ 3,000 ราย รองผู้ว่าฯ ยอมรับทุกพื้นที่เสี่ยงเหมือนกันหมด หลังพบเชื้อแพร่ระบาดกระจายไปทั่วทุกกลุ่มแล้ว จนไม่มีความจำเป็นต้องรายงานข้อมูลคลัสเตอร์และไทม์ไลน์การติดเชื้อ เน้นย้ำประชาชนใช้มาตรการครอบจักรวาล ยกระดับการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด อย่างไรก็ตามยืนยันมาตรการป้องกันควบคุมโรคต้องทำควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
วันนี้ (23 ก.พ. 65) คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่รายงานสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ว่าวันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 2,978 ราย เป็นผลบวกจากการตรวจแบบ RT/PCR 376 ราย และการตรวจ ATK 2,602 ราย ทำให้ล่าสุดมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รักษาตัวสะสมอยู่ 17,662 ราย รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ทั้งนี้ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ในช่วงนี้มาตรการที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ปลอดภัยจากโควิด-19 ก็คือ มาตรการยกระดับการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด นั่นก็คือ มาตรการครอบจักรวาล หรือ Universal Prevention For COVID-19 เนื่องจากว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ มียอดผู้ติดเชื้อเข้าข่ายเป็นจำนวนมาก
โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดชียงใหม่ระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชนว่าในพื้นที่ทุกพื้นที่คนทุกคนมีความเสี่ยง ด้วยเหตุนี้จังหวัดเชียงใหม่จึงขอความร่วมมือประชาชนชาวเชียงใหม่ได้ใช้มาตรการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด โดยการงดการรวมกลุ่ม งดการเปิดหน้ากาก งดการจัดกิจกรรม งดการรับประทานอาหารร่วมกัน ภายใต้โครงการ “คนเชียงใหม่ รักกัน แยกกันสักพัก เพื่อลด COVID-19” ซึ่งดำเนินการตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาจนถึงวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
ส่วนกรณีที่จังหวัดเชียงใหม่งดการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับคลัสเตอร์และไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั้น นายวรวิทย์กล่าวว่า การรายงานแต่เฉพาะข้อมูลในภาพรวม เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้การแพร่ระบาดกระจายไปทุกกลุ่มแล้ว ทั้งกลุ่มโรงเรียน สถานที่ทำงาน หรือแม้แต่ในชุมชนต่างๆ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดขณะนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่จึงอยากให้ประชาชนได้รับทราบว่าทุกพื้นที่มีการแพร่ระบาดกระจัดกระจาย ทุกพื้นที่เป็นพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด ผู้คนก็ล้วนเป็นคนเสี่ยง เพราะฉะนั้นต้องป้องกันตัวเอง ยกระดับความเข้มข้นในการป้องกันตัวเอง มีมาตรการป้องกันตัวเองอย่างสูงสุด
ขณะเดียวกัน ย้ำว่ามาตรการในการแก้ไขป้องกันโควิด-19 กับมาตรการทางเศรษฐกิจต้องไปด้วยกัน สำหรับร้านอาหารตรงไหนมีปัญหาก็ไปแก้ตรงจุดนั้นก่อน ไม่ใช่แพร่ระบาดเพียงร้านเดียวแล้วต้องปิดทั้งหมดทั้งจังหวัด เนื่องจากว่าเศรษฐกิจต้องไปได้ เชียงใหม่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว ประชาชนอยู่ได้ด้วยการท่องเที่ยว นโยบายในการควบคุมโรคของจังหวัดเชียงใหม่ก็จะแก้ปัญหาที่จุดเกิดการระบาด ที่ผ่านมาก็มีการปิดร้านอาหารทั้ง 7 วัน 14 วัน เนื่องจากมีการระบาดแล้วไม่ปฏิบัติตามความปลอดภัยในองค์กร หรือ COVID Free Setting โรงเรียนก็เช่นกัน จังหวัดมีนโยบายให้เปิดเรียนแบบ On Site ทุกโรงเรียน โดยมีนโยบายในการควบคุมการระบาดว่า หากเกิดการติดเชื้อในห้องเรียนใดก็ให้ปิดเฉพาะห้องนั้น หรือชั้นไหนติดก็ปิดชั้นนั้น ซึ่งโรงเรียนทุกแห่งก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting เช่นกัน
นอกจากนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยด้วยว่า สถิติที่ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยเข้าข่าย และผู้ป่วยยืนยัน รวมทั้งหมดเฉลี่ยราว 3,000 คนต่อวัน แต่สถิติการใช้เตียงลดลงจากช่วงวิกฤตครั้งที่ผ่านมาอย่างมาก ซึ่งการติดเชื้อช่วงนี้เป็นสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าเดลตา อัตราการครองเตียงน้อยมาก ขณะนี้มีอัตราเตียงว่างเกือบ 70% กระจายไปตามโรงพยาบาลต่างๆ การรักษาตัวเอง ทั้ง HI หรือ CI จะใช้เวลาไม่มาก ทางการแพทย์เวลาในการรักษาใช้เวลา 5 วัน สังเกตอาการอีก 5 วัน โรงพยาบาลสนามในช่วงนี้จึงยังไม่มีความจำเป็น