ราคาน้ำมันร่วงลงราว 6 ดอลลาร์ในวันจันทร์ (14 มี.ค.) นักลงทุนมีความหวังกับความพยายามทางการทูตระหว่างยูเครนและรัสเซียในการยุติความขัดแย้ง ปัจจัยนี้ฉุดทองคำปรับลด ในขณะที่วอลล์สตรีทปิดลบเช่นกัน ก่อนหน้าการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 6.32 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 5.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.90 ดอลลาร์
คณะผู้แทนเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซีย พูดคุยกันอีกครั้งผ่านวิดีโอลิงก์ในวันจันทร์ (14 มี.ค.) หลังจากก่อนหน้านี้พวกเขาให้คำประเมินในแง่บวกมากที่สุด หลังการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์บ่งชี้ว่าการเจรจาระหว่างสองฝ่ายอาจก่อผลลัพธ์ในแง่บวกภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้
จีน ชาติผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลกและผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ กำลังพบเห็นเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น ในขณะที่ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก แพร่ระบาดสู่เมืองต่างๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้ จีนรายงานพบเคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 1,437 คนในวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ถือเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน สูงที่สุดในรอบ 2 ปีเลยทีเดียว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (14 มี.ค.) ปิดลบ นักลงทุนเทขายกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นที่มีการเติบโตสูง ก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความคาดหมายว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.05 จุด (1.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 32,945.24 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 31.20 จุด (0.74 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,173.11 จุด แนสแดค ลดลง 262.59 จุด (2.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,581.22 จุด
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียยังอยู่ในความสนใจของนักลงทุน ในขณะที่คณะผู้แทนเจรจาระหว่างสองฝ่ายจัดการหารือรอบ 4 ในวันจันทร์ (14 มี.ค.) อย่างไรก็ตาม ไม่มีการแถลงความคืบหน้า ในขณะที่กองกำลังรัสเซียยอมให้ขบวนรถกลุ่มแรกหลบหนีออกจากเมืองมาริอูโป ที่ถูกปิดล้อมแล้ว
นักลงทุนคาดหมายว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีในวันพุธ (16 มี.ค.) ในความพยายามต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้น
ด้านราคาทองคำในวันจันทร์ (14 มี.ค.) ปรับลดแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ นักลงทุนจับตาสถานการณ์ยูเครนกับรัสเซีย และเฝ้ารอการติดสินใจของเฟด โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 24.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,960.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)
