ราคาน้ำมันขยับลงแรงในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) มีแรงเทขายท่ามกลางความหวังสหรัฐฯ และอิหร่านบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์เร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงหวาดผวาต่อวิกฤตสู้รบระหว่างยูเครนและรัสเซีย ปัจจัยนี้ฉุดวอลล์สตรีทปิดลบ และทองคำปรับขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.93 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.46 ดอลลาร์
ตลาดน้ำมันซื้อขายผันผวน เบื้องต้นขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตรัสเซียยกพลบุกยูเครน เนื่องด้วยรัสเซียเป็นชาติผู้ส่งออกน้ำมันดิบราว 4 ถึง 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากซาอุดีอาระเบีย
หลังจากรัสเซียเปิดปฏิบัติการรุกรานยูเครน บรรดาบริษัททั้งหลายเวลานี้กำลังเมินหน้าหนีอุปทานพลังงานของรัสเซีย และพยายามหันไปหาอุปทานน้ำมันจากที่อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ตลาดแกว่งตัวลงและปิดลบแรง หลังสื่อมวลชนรายงานว่าสหรัฐฯ และอิหร่านใกล้บรรลุข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ซึ่งจะช่วยนำพาอุปทานน้ำมันมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันกลับสู่ตลาด
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) ปิดในแดนลบ นักลงทุนกลับมาจับตาสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนด้วยความกังวล
ดาวโจนส์ ลดลง 96.69 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,794.66 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 23.05 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,363.49 จุด แนสแดค ลดลง 214.07 จุด (1.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,537.94 จุด
หนึ่งวันก่อนหน้านี้ตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวก หลัง เจอร์โรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เผยว่าจะสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ระหว่างการประชุมในวันที่ 15-16 มีนาคม ปัดเป่าความกังวลว่าอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยก้าวร้าวกว่านี้
อย่างไรก็ตาม วอลล์สตรีทปิดในแดนลบในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซียผ่านมาครบ 1 สัปดาห์แล้ว ท่ามกลางรายงานว่ามีทหารรัสเซียและพลเรือนยูเครนเสียชีวิตไปแล้วหลายร้อยคน และรัสเซียถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกมากขึ้น
ความกังวลต่อวิกฤตยูเครน-รัสเซีย กระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) ปิดบวก โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 13.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,935.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : เอเอฟพี)