ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 7 % ในวันอังคาร (1มี.ค.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 ข้อตกลงโลกในการปล่อยคลังสำรองล้มเหลวสยบความกังวลเกี่ยวกับความปั่นป่วนทางอุปทาน อันสืบเนื่องจากรัสเซียรุกรานยูเครน ปัจจัยนี้ดันทองคำพุ่งต่อเนื่อง และฉุดวอลล์สตรีทปิดในแดนลบ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 7.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.97 ดอลลาร์
สมาชิกของทบวงพลังงานสากล (ไอเอเอ) ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ และญี่ปุ่น เห็นพ้องปล่อยคลังสำรองน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรล ในความพยายามสกัดราคาที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งดีดตัวขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ข่าวการปล่อยคลังสำรองน้ำมันดิบดังกล่าว ซึ่งน้อยกว่าการบริโภคน้ำมันทั่วโลกในหนึ่งวัน กลับกลายเป็นการตอกย้ำความกังวลของตลาด ว่าอุปทานอาจมีไม่เพียงพอที่จะรองรับภาวะความปั่นป่วนทางอุปทานที่กำลังหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (1 มี.ค.) ปิดลบแรง วิกฤตระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่หนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ โหมกระพือความกังวลของนักลงทุน
ดาวโจนส์ ลดลง 597.65 จุด (1.76 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,294.95 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 67.68 จุด (1.55 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,306.26 จุด แนสแดค ลดลง 218.94 จุด (1.59 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,532.46 จุด
รัสเซียเตือนพลเมืองในกรุงเคียฟให้หลบหนีออกจากบ้านพักอาศัย และห่าฝนจรวดถล่มเมืองคาร์คิฟของยูเครน ในขณะที่บรรดาผู้บัญชาการทหารของรัสเซียยกระดับทิ้งระเบิดโจมตีพื้นที่เขตเมืองต่างๆ ของยูเครน ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หลังการจู่โจมที่ผ่านมา 6 วันนั้นต้องหยุดชะงัก
ความขัดแย้งครั้งนี้เรียกการตอบโต้อย่างรุนแรงมาจากตะวันตก ในนั้นรวมถึงการขัดขวางธนาคารบางแห่งของรัสเซียในการเข้าถึงระบบชำระเงินระหว่างประเทศ SWIFT
ด้านราคาทองคำในวันอังคาร (1 มี.ค.) พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ท่ามกลางปฏิบัติการยึดยูเครนของรัสเซีย โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 43.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,943.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)
