ราคาน้ำมันขึ้นแรงในวันจันทร์ (7 มี.ค.) หลังสหรัฐฯ ตั้งใจแบนนำเข้าปิโตรเลียมจากรัสเซีย ขณะที่วอลล์สตรีทร่วงหนักและทองคำพุ่งทะยาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 3.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 119.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 123.21 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันเบรนต์ลอนดอนขึ้นไปแตะระดับมากกว่า 139 ดอลลาร์ช่วงสั้นๆ สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความวุ่นวายต่างๆ ทางอุปทานที่เกี่ยวข้องกับการยกพลรุกรานยูเครนของรัสเซีย
การรุกรานของรัสเซีย กระตุ้นให้สหรัฐฯ และยุโรปกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีเป้าหมายโดดเดี่ยวรัสเซียในระดับที่ชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่หนึ่งๆ ไม่เคยเผชิญมาก่อน
นอกจากนี้ รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังแสดงถึงความตั้งใจเดินหน้าแบนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แม้ว่าบรรดาพันธมิตรยุโรปไม่เอาด้วยก็ตาม รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (7 มี.ค.) ปิดลบหนัก ตามแรงฉุดของหุ้นเติบโตสูงและกลุ่มสถาบันการเงิน ในขณะที่แนวโน้มแบนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงและโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงอยู่ก่อนแล้วให้พุ่งขึ้นไปอีก
ดาวโจนส์ ลดลง 797.42 จุด (2.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 32,817.38 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 127.78 จุด (2.95 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,201.09 จุด แนสแดค ลดลง 482.48 จุด (3.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,830.96 จุด
น้ำมันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 หลังสหรัฐฯ พิจารณาแบนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ตอบโต้ความขัดแย้งกับยูเครน ในขณะที่มีความเป็นไปได้น้อยที่น้ำมันดิบอิหร่านจะหวนคืนสู่ตลาดโลกอย่างรวดเร็ว
"ความกังวลเกี่ยวกับน้ำมันนำมาซึ่งความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและความเป็นไปได้สำหรับ Stagflation (ภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืดเกิดขึ้นในคราวเดียวกัน จนทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะงักงัน)" โมนา มาฮาจาน นักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนระดับอาวุโสของสถาบันเอ็ดเวิร์ด โจนส์ กล่าว
ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน กระตุ้นให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันจันทร์ (7 มี.ค.) ปิดสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 29.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,995.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)