รัสเซียขยายวงโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในยูเครนในวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ด้วยการโจมตีฐานทัพทหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนโปแลนด์ไม่กี่กิโลเมตร ในขณะที่ที่ปรึกษาระดับสูงรายหนึ่งของยูเครนยอมรับว่าเวลานี้กรุงเคียฟกลายเป็น "เมืองที่อยู่ภายใต้วงล้อม"
ขณะเดียวกัน ยอดผู้เสียชีวิตที่มาริอูโปล เมืองท่ายุทธศาสตร์ทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนรุนแรงท่ามกลางการปิดล้อมที่ยืดเยื้อ พุ่งขึ้นเหนือ 2,000 รายแล้ว จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในเมืองดังกล่าว
หลังจากก่อนหน้านี้ทางภาคตะวันตกของยูเครนรอดพ้นจากโจมตีเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียได้เปิดสงครามลึกเข้าไปทางตะวันตก สังหารผู้คนไป 35 ราย ที่ฐานทัพทหารแห่งหนึ่งใกล้ยาโวริฟ รอบนอกเมืองลวิว ซึ่งตั้งอยู่ติดกับแนวหน้าของโปแลนด์ ชาติสมาชิกอียูและนาโต้ ซึ่งถือว่าอันตรายอย่างมาก เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุ
การสู้รบระลอกล่าสุดในย่านชานกรุงเคียฟส่งผลให้ผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ รายหนึ่งเสียชีวิต ถือเป็นนักข่าวต่างชาติรายแรกที่เสียชีวิตนับตั้งแต่รัสเซียยกพลประเทศเพื่อนบ้านเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
"เคียฟ เป็นเมืองที่ถูกโอบล้อม" มีคาอิโล โพโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดีเขียนบนทวิตเตอร์ พร้อมบอกว่าเมืองแห่งนี้กำลังเตรียมพร้อมป้องกันตนเองอย่างไร้ความปรานี
อีกด้านหนึ่ง ยังมีความพยายามให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนในเมืองมาริอูโปล ซึ่งหน่วยงานด้านมนุษยธรรมบอกว่ากำลังเผชิญหายนะด้านมนุษยธรรม อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของเมืองรายหนึ่งเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ขบวนรถด้านมนุษยธรรมที่มุ่งหน้าไปยังเมืองดังกล่าว ต้องวกกลับอีกครั้งในวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) หลังรัสเซียไม่หยุดยิง
สภาเมืองเปิดเผยในวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ว่ามีชาวบ้านเสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น 2,187 คน ท่ามกลางปฏฺิบัติการทิ้งระเบิดของรัสเซียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวหามอสโกทั้งขัดขวางและโจมตีขบวนรถด้านมนุษยธรรม แม้เขาบอกในวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ว่ามีประชาชนอีก 125,000 ได้รับการอพยพออกมาทั่วยูเครน
"รัสเซียกำลังทิ้งระเบิดถล่มเมืองแม้กระทั่งระหว่างการเจรจาอย่างเป็นทางการ" รัฐมนตรีกลาโหมยูเครนกล่าว "พวกเขาไม่มีความจริงใจ ไม่มีเกียรติและไม่มีความปรานี"
การเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายยังไม่บรรลุข้อตกลงหยุดยิง แต่รัสเซียระบุในวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ว่าคณะผู้แทนเจรจากำลังมุ่งหน้าไปพูดคุยกับฝ่ายยูเครน ที่เบลารุส ประเทศเพื่อนบ้าน "เราเห็นความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ" ลิโอนิด สลัตสกี สมาชิกในคณะผู้แทนเจรจาของรัสเซียกล่าว
เซเลนสกีเปิดเผยในวันเสาร์ (12 มี.ค.) ว่ารัสเซียใช้แนวทางที่เป็นบวกมากกว่าเดิมและใช้แนวทางที่ต่างจากเดิมโดยพื้นฐานในการเจรจา
ที่ผ่านมา กองกำลังรัสเซียมุ่งเน้นพื้นที่ทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนเชื้อสายรัสเซียมากกว่า แต่ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาเคลื่อนเข้าสู่ภาคกลาง โจมตีเมืองดริโปร และตอนนี้ได้เคลื่อนสู่ภาคตะวันตกแล้ว ด้วยการลงมือโจมตีใกล้ชายแดนโปแลนด์
ฐานทัพอากาศลุตสก์และอิวาโน-แฟรงคิฟสก์ ทางภาคตะวันตกของยูเครนถูกโจมตีในวันศุกร์ (11 มี.ค.) ส่วนในคืนวันเสาร์ (12 มี.ค.) และวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ขีปนาวุธหลายลูกพุ่งโจมตีเป้าหมายฐานทัพทหารในเมืองยาโวริฟ
แม็กซิท โคซิตสกี ผู้ว่าการภูมิภาค เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิต 35 รายและบาดเจ็บ 134 คน ในเหตุโจมตีฐานทัพดังกล่าว ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกกองกำลังยูเครนภายใต้การฝึกของต่างชาติ
รัสเซียอ้างว่าการโจมตีดังกล่าวปลิดชีพ "ทหารรับจ้างต่างชาติสูงสุด 180 คน" แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบอกว่ามีแต่ชาวยูเครนเท่านั้นที่เสียชีวิต
ขณะเดียวกัน ในกรุงเคียฟมีเพียงท้องถนนที่มุ่งหน้าสู่ทางทิศใต้เท่านั้นที่ยังสัญจรได้อยู่ จากการเปิดเผยของทำเนียบประธานาธิบดียูเครน เจ้าหน้าที่เมืองได้ตั้งจุดตรวจต่างๆ และประชาชนพยายามกักตุนอาหารและยา
ย่านบูชา แถบชานเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกองกำลังรัสเซียโดยสมบูรณ์แล้ว เช่นเดียวกับบางพื้นที่ของย่านเออร์พิน จากการเปิดเผยของทหารยูเครน บางช่วงตึกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นย่านหรูหราแถบชานเมือง เวลานี้เหลือแต่ซากปรักหักพัง
เบรนท์ เรโนด์ ผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ และผู้ถ่ายทำวิดีโอสารคดีที่ถึงขั้นชนะเลิศรางวัล ถููกยิงเสียชีวิต และฮวน อาร์เรดอนโด ช่างภาพชาวอเมริกาที่อยู่กับเขา ได้รับบาดเจ็บในย่านเออร์พินในวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) อย่างไรก็ตามกรณีแวดล้อมที่แท้จริงของเหตุถูกยิงครั้งนี้ไม่เป็นที่แน่ชัด
กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักรเปิดเผยในวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ว่ากองกำลังรัสเซียอยู่ห่างจากกรุงเคียฟราวๆ 25 กิโลเมตร และมีการกระจายแนวไปทางตอนเหนือของเมือง ส่วนหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าเป็นความพยายามโอบล้อมเมืองหลวงแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม รัสเซียต้องเผชิญกับการต้านทานอย่างดุเดือดจากกองทัพยูเครน ทั้งทางตะวันออกและตะวันตกของเมืองหลวง และทหารยูเครนเชื่อว่าฝ่ายรัสเซียกำลังเผชิญกับงานสาหัสกว่าที่พวกเขาคาดหมายไว้
กระนั้นแม้ชาวยูเครนพยายามต้านทานด้วยความมุ่งมั่น แต่ความขัดแย้งกำลังก่อผลกระทบร้ายแรง สหประชาชาติคาดหมายว่ามีชาวบ้านเกือบ 2.7 ล้านคนแล้วที่หลบหนีออกจากยูเครนนับตั้งแต่การรุกราน ส่วนใหญ่มุ่งหน้าสู่โปแลนด์ ซึ่งกำลังประสบปัญหามอบความช่วยเหลือแก่พวกผู้ลี้ภัยที่เดินทางมาถึงแล้ว
(ที่มา : รอยเตอร์)