มอสโกงงสหรัฐฯ ไม่บอกกล่าว จู่ๆ แจ้งเตือนพลเมืองอาจเกิดเหตุโจมตีในรัสเซีย

สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงมอสโก ออกประกาศเตือนพลเมืองอเมริกาในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (20 ก.พ.) เกี่ยวกับความเป็นไปได้จะเกิดเหตุโจมตีที่สถานที่สาธารณะในรัสเซีย ในนั้นรวมถึงตามแนวชายแดนติดกับยูเครน บริเวณที่เครมลินระดมทหารนับแสนนาย ซึ่งโหมกระพือความกังวลว่าพวกเขาจะยกพลจู่โจมประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้

"จากแหล่งข่าวสื่อมวลชน มีภัยคุกคามของเหตุโจมตีห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟและสถานีรถไฟฟ้า และสถานที่อื่นๆ ซึ่งเป็นที่รวมตัวของสาธารณชน ในเขตเมืองสำคัญๆ" ถ้อยแถลงของสถานทูตสหรัฐฯ ระบุ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงต่อรายงานข่าวดังกล่าว

คำเตือนของสถานทูตสหรัฐฯ ระบุมีความเสี่ยงเกิดเหตุโจมตีในกรุงมอสโก และเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เช่นเดียวกับในพื้นที่ที่มีความตึงเครียดระดับสูงตามแนวชายแดนรัสเซียติดกับยูเครน

บรรดาประเทศตะวันตกส่งเสียงเตือนมานานหลายสัปดาห์ ว่า มอสโกอาจมีแผนโจมตียูเครน ประเทศเพื่อนบ้านอดีตสหภาพโซเวียต โดยกล่าวหารัสเซียกำลังเสริมกำลังทหารหลายแสนนายตามแนวชายแดน

สถานทูตสหรัฐฯ เตือนพลเมืองอเมริกาให้ "หลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชน" และ "วางแผนอพยพโดยไม่พึ่งพิงความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ"

มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย วิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ ตั้งคำถามว่าการประกาศของฝ่ายสหรัฐฯ เป็นไปตามระเบียบการหรือไม่ ได้ส่งผ่านข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของเหตุโจมตีแก่รัสเซียก่อนหรือเปล่า "ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น แล้วใครจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้ล่ะ" ชาคาโรวา กล่าว

เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามแนวชายแดนรัสเซียติดกับยูเครน ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังมีผู้คนจำนวนมากอพยพมาจากภาคตะวันออกของยูเครน ดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของพวกกบฏ เข้าสู่เขตแดนของรัสเซีย

กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินระบุในวันอาทิตย์ (20 ก.พ.) ว่า มีประชาชนมากกว่า 50,000 รายแล้วที่มุ่งหน้าเข้าสู่รัสเซีย นับตั้งแต่พวกแกนนำกบฏแบ่งแยกดินแดนใน 2 แคว้น แจ้งในวันศุกร์ (18 ก.พ.) ให้ผู้หญิงและเด็กเดินทางไปยังรัสเซีย โดยอ้างถึงสถานการณ์ความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

ยูเครนสู้รบกับกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียมาตั้งแต่ปี 2014 ครั้งที่มอสโกผนวกแหลมไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ปฏิบัติการนี้เกิดขึ้นตามหลังเหตุประท้วงบนท้องถนนครั้งใหญ่ในยูเครน ขับไล่ประธานาธิบดีผู้ฝักใฝ่รัสเซีย และนับตั้งแต่นั้นจนถึงบัดนี้ มีผู้เสียชีวิตในเหตุสู้รบแล้วมากกว่า 14,000 ราย

(ที่มา : เอเอฟพี)