หมอใหญ่ “ฟาวซี” ชี้ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังมีความเสี่ยงอยู่ก็ตาม โดยขณะนี้สหรัฐฯ ยังมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละเกือบ 150,000 คน แต่ก็ลดลงราว 40% จากสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงเช่นเดียวกัน
ระหว่างให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันพุธ (16 ก.พ.) นายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี ที่ปรึกษาระดับสูงด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และสมาชิกทีมรับมือโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า สถานการณ์นี้ไม่มีทางออกที่สมบูรณ์แบบ
โดยที่ในวันเดียวกันนี้ พวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ เผยว่า กำลังจัดเตรียมคำแนะนำใหม่เกี่ยวกับโควิด-19 ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับแง่มุมต่างๆ ในการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในระลอกการระบาดของตัวกลายพันธุ์ “โอมิครอน” เริ่มลดลง
การเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นหลังจากหลายรัฐ เช่น นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย นิวเจอร์ซีย์ คอนเนตทิคัต เดลาแวร์ และออริกอน ประกาศว่า เตรียมยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากป้องกันในโรงเรียนและสถานที่สาธารณะอื่นๆ ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้
ฟาวซี กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกและอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางพื้นที่หมดความอดทนกับโควิด-19 แล้ว และต้องการกลับไปใช้ชีวิตปกติ
“คุณไม่อยากประมาทและทิ้งทุกอย่าง แต่คุณก็ต้องเริ่มขยับเพื่อกลับสู่วิถีชีวิตปกติ”
แม้มีแนวโน้มที่ดี แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดในอเมริกายังสูงถึงวันละ 2,200 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันล่าสุดอยู่ที่วันละ 147,000 คน ลดลงราว 40% จากสัปดาห์ที่แล้ว และจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงประมาณ 28% อยู่ที่วันละ 9,500 คน
ฟาวซี ยอมรับว่า การทบทวนนโยบายของรัฐต่างๆ อาจต้องแลกกับบางสิ่งบางอย่างรวมทั้งมีการติดเชื้อโดยไม่จำเป็น แต่การยึดมั่นกับนโยบายป้องกันโรคระบาดที่เคร่งครัดเกินไปก็อันตรายเช่นเดียวกัน
เขาทิ้งท้ายว่า ไม่สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้ว่า การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต พัฒนาการของเด็ก โรงเรียนหรือไม่ หรือเหมาะสมหรือไม่เมื่อเทียบกับความพยายามป้องกันการติดเชื้อ