xs
xsm
sm
md
lg

‘เอเชีย’ ติด ‘โควิด’ เพิ่มพรวด เคสใหม่เกาหลีใต้-สิงคโปร์ทะยานทุบสถิติ ฮ่องกงอาการหนัก-หวั่นยอดพุ่งหลักหมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คนป่วยโควิด-19 จำนวนมาก ต้องนอนบนเตียงที่บริเวณด้านนอกอาคารศูนย์การแพทย์แคริทัส ในฮ่องกง เมื่อวันพุธ (16 ก.พ.) ขณะที่อากาศกำลังหนาวเย็นลงโดยเฉพาะช่วงกลางคืน  ทั้งนี้ เวลานี้ฮ่องกงเผชิญการระบาดของไวรัสโคโรนาระลอกหนักหน่วงที่สุด
ยอดผู้ติดโควิด-19 เกาหลีใต้-สิงคโปร์พุ่งทุบสถิติ ส่วนญี่ปุ่นแม้เคสใหม่ซาลงแต่จำนวนผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ด้านฮ่องกงสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มเลวร้ายลง สื่อรายงานในวันพุธ (16 ก.พ.) ว่าผู้นำจีนต้องกำชับให้ศูนย์กลางการเงินแห่งเอเชียแห่งนี้ระดมกำลังและทรัพยากรทั้งหมดเพื่อดำเนินมาตรการที่จำเป็น หลังยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทำสถิติที่กว่า 1,600 คน และผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า จำนวนเคสใหม่อาจพุ่งเป็นวันละ 28,000 คนปลายเดือนหน้า

ที่เกาหลีใต้ สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลีรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันอังคาร (15) เพิ่มขึ้นเป็น 90,443 คน จาก 57,177 คนในวันก่อนหน้า (14) และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตัวในเวลาเพียง 1 สัปดาห์

ไวรัสสายพันธุ์ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ระบาดไปทั่วทั้งวงการธุรกิจและสังคมของเกาหลีใต้ โดยในวันพุธ (16) สมาคมบาสเกตบอลเกาหลี (เคบีแอล) ประกาศระงับการแข่งขันเนื่องจากพบนักกีฬาชายหลายสิบคนติดโควิด หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสมาคมบาสเกตบอลอาชีพหญิงเพิ่งสั่งระงับการแข่งขันเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของเกาหลีใต้นับตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดเพิ่มเป็น 1.5 ล้านคน แต่ยอดผู้เสียชีวิตยังถือว่าต่ำคือ 7,202 คน เฉพาะวันอังคารมีผู้เสียชีวิต 39 คน

รอยเตอร์คาดการณ์ว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จะประกาศผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพิ่มเติมในวันศุกร์นี้ โดยมาตรการนี้ถือว่ามีความอ่อนไหวทางการเมืองเนื่องจากเกาหลีใต้กำลังจะจัดเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 9 เดือนหน้า และบรรดาเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กต่างเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่งเคอร์ฟิว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเตือนว่า การผ่อนคลายกฎจะทำให้โอมิครอนยิ่งลุกลามและเพิ่มภาระให้ระบบสาธารณสุข

ทางด้านสิงคโปร์ เป็นอีกประเทศหนึ่งในเอเชียที่เจอฤทธิ์โอมิครอนส่งให้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันอังคารเพิ่มขึ้นทำสถิติที่ 19,179 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมในรอบ 28 วันล่าสุดอยู่ที่ 191,882 คน ทว่า 99.7% ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมาก

ส่วนญี่ปุ่นนั้นแม้สถานการณ์ยังคงกระเตื้อง มีผู้ติดเชื้อน้อยลงต่อเนื่องจากสถิติสูงสุดเมื่อต้นเดือน จำนวนเคสใหม่ในวันอังคารอยู่ที่ 84,220 คน แต่ผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มขึ้นทำสถิติที่ 236 คน จากสถิติเดิม 216 คนเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมปีที่แล้ว

สำหรับฮ่องกง สื่อท้องถิ่นรายงานในวันพุธ (16) ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน กำชับรองนายกรัฐมนตรีหาน เจิ้ง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลกิจการด้านฮ่องกง ให้แจ้งกับแคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงว่า ภารกิจสำคัญที่สุดของคณะผู้นำฮ่องกงคือการสร้างเสถียรภาพและควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่กำลังแย่ลง

คำสั่งดังกล่าวเพิ่มความกดดันต่อผู้นำฮ่องกง หลังจากที่เมื่อวันอังคาร ลัม แถลงยอมรับว่า มาตรการรับมือโควิดของรัฐบาลไม่น่าพอใจ โดยโรงพยาบาลและบุคลากรการแพทย์ต่างไม่สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้

หน่วยงานสาธารณสุขฮ่องกงรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ได้รับการยืนยันในวันอังคารเพิ่มขึ้นทำสถิติโดยอยู่ที่ 1,619 คน และอีก 5,400 คนมีผลตรวจเบื้องต้นออกมาเป็นบวก จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันขนาดนี้เท่ากับเพิ่มขึ้นกว่า 20 เท่าตัวจากเมื่อต้นเดือน และมีแนวโน้มว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลงอีก

สถานีทีวีบีคาดว่า จะมีการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่อย่างน้อย 4,285 คนในวันพุธ มากกว่าสถิติก่อนหน้ากว่า 2 เท่าตัว และผู้ที่มีผลตรวจเบื้องต้นออกมาเป็นบวกอีก 3,000 คน

ตามรายงานของสื่อฮ่องกง สี กล่าวว่า รัฐบาลฮ่องกงต้องระดมกำลังและทรัพยากรทั้งหมดเพื่อดำเนินมาตรการที่จำเป็นในการรับประกันความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชน ตลอดจนถึงเสถียรภาพของสังคม

ถึงแม้แม้ฮ่องกงยังคงใช้ยุทธศาสตร์ “โควิดต้องเหลือศูนย์” เช่นเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ แต่การระบาดหนักของโอมิครอนทำให้เจ้าหน้าที่ฮ่องกงต้องเผชิญงานหนัก ขณะที่ลัมยอมรับว่า ไม่สามารถคงคำสั่งตรวจหาผู้ติดเชื้อและกักตัวได้อีกต่อไป

วันพุธ เคเบิล สถานีทีวีท้องถิ่นของฮ่องกงเผยแพร่ภาพผู้ป่วยหลายสิบคนรักษาตัวในคลินิกชั่วคราวกลางแจ้งนอกศูนย์การแพทย์ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เนื่องจากโรงพยาบาลหลายแห่งรับคนไข้เต็มกำลังแล้ว และผู้ติดเชื้อกว่า 12,000 คนกำลังรอคิวเข้ารับการรักษา

นับจากโควิดระบาด ฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 26,000 คน และเสียชีวิตกว่า 200 คน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เตือนว่า จำนวนเคสใหม่อาจพุ่งเป็นวันละ 28,000 คนปลายเดือนมีนาคม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผู้สูงวัยจำนวนมากซึ่งเป็นพวกที่ลังเลไม่อยากฉีดวัคซีน

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น