ราคาน้ำมันลงหนักกว่า 3% ในวันอังคาร (15 ก.พ.) หลังรัสเซียเผยกำลังทหารบางส่วนกำลังเดินทางกลับสู่ฐานทัพหลังซ้อมรบใกล้ยูเครน ความเคลื่อนไหวที่ดูเป็นการปลดชนวนความตึงเครียดระหว่างมอสโกกับตะวันตก ปัจจัยนี้ดันวอลล์สตรีทพุ่งแรงและฉุดทองคำขยับลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 3.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 92.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 93.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ารัสเซียถอนทหารออกมากี่หน่วย และถอยออกมาในระยะไกลแค่ไหน หลังจากก่อนหน้านี้คาดหมายว่ามีทหารรัสเซียราว 130,000 นาย ระดมกำลงตามชายแดนคิดกับยูเครน และรายงานข่าวนี้ของสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ฉุดราคาน้ำมันปักหัวลงในแดนลบมากยิ่งขึ้น
อีกด้านหนึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวกระตุ้นให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแรงในวันอังคาร (15 ก.พ.) นักลงทุนมองมันในฐานะเป็นสัญญาณของการลดความตึงเครียดตามแนวชายแดนรัสเซีย-ยูเครน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 422.67 จุด (1.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,988.84 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 69.40 จุด (1.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,471.07 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 348.84 จุด (2.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,139.76 จุด
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ลดน้อยลง หลังรัสเซียเผยว่าได้ถอนทหารบางส่วนพ้นชายแดนใกล้กับยูเครน แม้ถ้อยแถลงนี้ได้รับการตอบสนองอย่างระมัดระวังจากสหรัฐฯ และนาโต้ ที่บอกว่ายังไม่เห็นหลักฐานของการลดกำลังทหารแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มความขัดแย้งที่คลี่คลายระหว่างรัสเซียกับตะวันตก เกี่ยวกับวิกฤตยูเครน กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและฉุดราคาทองคำในวันอังคาร (15 ก.พ.) ปรับลดแรง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 13.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,856.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)