xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำ IS สิ้นชีพ! ทหารสหรัฐฯ บุกจู่โจมในซีเรีย สู้ยิบตาก่อนบึ้มตัวเอง-เด็กตายด้วยหลายคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้นำของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เสียชีวิต หลังเขาตัดสินใจจุดชนวนระเบิดตัวเองและสมาชิกในครอบครัว ระหว่างทหารสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการจู่โจมในซีเรีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ก่อความเสียหายครั้งใหญ่ของพวกญิฮาดกลุ่มนี้ที่กำลังพยายามรวมกลุ่มใหม่ในฐานะกองโจร หลังจากสูญเสียดินแดนยึดครองอันกว้างขวางไปเกือบหมดแล้ว

อาบู อิบราฮิม อัล-ฮาชีมี อัล-กูราจี ซึ่งขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มรัฐอิสลาม ตั้งแต่การเสียชีวิตของอาบู บักร์ อัล-บักดาดี ในปี 2019 โดย อัล-บักดาดี ก็เสียชีวิตด้วยการจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายเช่นกัน ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมของหน่วยคอมมานโดสหรัฐฯ

ไบเดน และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่าในระหว่างที่กองกำลังของอเมริกาเข้าใกล้ กูราจี ในเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียเมื่อคืนวันพุธ (2 ก.พ.) เขาจุดชนวนระเบิด ซึ่งคร่าชีวิตสมาชิกในครอบครัวของเขาเช่นกัน ในนั้นรวมถึงเด็กหลายคน

แรงระเบิดรุนแรงมากถึงขั้นซัดศพหลายศพปลิวออกจากอาคาร 3 ชั้น ซึ่งเป็นแหล่งหลบซ่อนของ กูราจี และตกลงสู่ถนนที่อยู่โดยรอบ ในเมืองอัตเมห์ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พร้อมกล่าวโทษพวกรัฐอิสลามสำหรับชีวิตพลเรือนทุกคนที่ต้องมาสูญเสียไปในเหตุการณ์นี้

"ขอบคุณความกล้าหาญของทหารของเรา ไม่มีอีกแล้วผู้นำก่อการร้ายที่น่าขยะแขยง" ไบเดนกล่าวในทำเนียบขาว

ทั้ง ไบเดน และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้ให้ตัวเลขของผู้เสียชีวิต แต่หน่วยกู้ภัยของซีเรียระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย ในนั้นเป็นผู้หญิง 4 คน และเด็ก 6 คน

การเสียชีวิตของ กูราจี ถือเป็นความเสียหายอีกครั้งของกลุ่มรัฐอิสลาม เกือบ 3 ปีหลังจากคำประกาศสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบของพวกเขาพังครืนลง ในขณะที่นักรบของพวกเขาประสบความปราชัยต่อกองกำลังสหรัฐฯ และอิรัก

นับตั้งแต่นั้นกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ก็หันมาโจมตีก่อความไม่สงบในอิรักและซีเรีย หนล่าสุดเร็วๆ นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว โดยกลุ่มมือปืนบุกจู่โจมเรือนจำแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งใช้เป็นสถานที่คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยไอเอส

ไบเดนและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า กูราจี วัย 45 ปี คือกำลังขับเคลื่อนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยยาซิดี ทางภาคเหนือของอิรักในปี 2014 และบอกว่าเขาเคยดูแลเครือข่ายของรัฐอิสลามสาขาต่างๆ ไล่ตั้งแต่แอฟริกาไปจนถึงอัฟกานิสถาน

"ปฏิบัติการเมื่อคืนที่ผ่านมา สามารถพรากผู้นำก่อการร้ายคนสำคัญออกจากสมรภูมิรบ และส่งสารอย่างแข็งกร้าวถึงพวกก่อการร้ายทั่วโลก เราจะไล่ล่าพวกแกและหาพวกแกพบ" ไบเดน กล่าว


ทั้งนี้ ปฏิบัติการสังหาร การาจี ช่วยกอบกู้ชื่อเสียงนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลไบเดนคืนมาได้บางส่วน หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเมื่อปีที่แล้ว สืบเนื่องจากปฏิบัติการอพยพกองกำลังสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

ชาวบ้านในเมืองอัตเมห์ ใกล้แนวชายแดนซีเรีย-ตุรกี เผยว่า พบเห็นเฮลิคอปเตอร์หลายลำลงจอด และได้ยินเสียงปืนและระเบิดดังระงม ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมที่เริ่มต้นขึ้นตอนราวๆ เที่ยงคืน กองกำลังสหรัฐฯ ได้ใช้ลำโพงประกาศเตือนผู้หญิงและเด็กให้ออกนอกพื้นที่

เพนตากอนเผยว่า มีชาวบ้าน 10 คนได้รับการอพยพออกจากพื้นที่จู่โจม ในนั้นรวมถึงเด็ก ขณะที่ พล.อ.แฟรงค์ แม็คเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่าทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยและปล่อยไว้ ณ จุดเกิดเหตุ ตอนที่กองกำลังสหรัฐฯ ถอนตัวออกมา

ขั้นตอนปฏิบัติของกองทัพสหรัฐฯ ในด้านการป้องกันพลเรือนจากความสูญเสีย อยู่ภายใต้การตรวจสอบพินิจพิเคราะห์อย่างเข้มข้น หลังจากก่อนหน้านี้เกิดเหตุผิดพลาดอื้อฉาวในอัฟกานิสถาน โดรนโจมตีเข่นฆ่าพลเรือนหลายชีวิต ในนั้นรวมถึงเด็ก แต่เบื้องต้นเพนตากอนกลับยกย่องว่ามันเป็นความสำเร็จ

กูราจี ซ่อนตัวอยู่ในภูมิภาคหนึ่งของซีเรีย ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของพวกนักรบหลายกลุ่ม ในนั้นรวมถึงเครือข่ายของอัลกออิดะห์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งบรรดาแกนนำของพวกเขานั้นมีนักรบต่างชาติรวมอยู่ด้วย

กองกำลังสหรัฐฯ ใช้โดรนเล็งเป้าหมายโจมตีพวกนักรบญิฮาดในพื้นที่ดังกล่าวมานานหลายปีแล้ว แต่ปฏิบัติการในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ดูเหมือนเป็นการจู่โจมครั้งใหญ่ที่สุดของกองกำลังสหรัฐฯ ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย นับตั้งแต่จู่โจมสังหารบักดาดี จากความเห็นของชาร์ลส์ ลิสเตอร์ ผู้สันทัดกรณีจากสถาบันตะวันออกกลางในวอชิงตัน

พันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งกำลังสู้รบกับไอเอส เคยเปิดเผยในช่วงกลางปี 2019 หลังจากกลุ่มนักรบประสบความปราชัยในสมรภูมิรบ ว่าพวกเขาควบคุมตัวสมาชิกนักรบราว 14,000 ถึง 18,000 คน ในนั้น 3,000 คนเป็นชาวต่างชาติ

พวกนักวิเคราะห์มองว่าพวกนักรบท้องถิ่นจำนวนมากอาจกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ แต่ก็พร้อมปรากฏตัวขึ้นมาใหม่หากว่ามีโอกาส

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น