รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันพุธ (12 ม.ค.) กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเกี่ยวกับโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก หลังจากเปียงยางทำการทดสอบขีปนาวุธเป็นชุด ในนั้้นรวมถึง 2 หนล่าสุดซึ่งเกิดขึ้นนับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้เล็งเป้าหมายเล่นงานชาวเกาหลีเหนือ 6 คน ชาวรัสเซีย 1 คนและบริษัทรัสเซียแห่งหนึ่ง ซึ่งทางวอชิงตันระบุว่า อยู่เบื้องหลังการจัดหาสินค้าต่างๆ จากรัสเซียและจีน สำหรับโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ
กระทรวงการคลังสหรรัฐฯ ระบุว่า มาตรการต่างๆ เหล่านี้มีเป้าหมายทั้งเพื่อขัดขวางความก้าวหน้าในโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ และเพื่อสกัดเปียงยางจากความพยายามแพร่ขยายเทคโนโลยีทางด้านอาวุธ
รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หาทางติดต่อประสานงานกับเปียงยาง เพื่อเจรจาโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือละทิ้งโครงการระเบิดนิวเคลียร์และขีปนาวุธ นับตั้งแต่ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งในเดือนมกราคมปีที่แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ
เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำว่า วอชิงตันยังคงมุ่งมั่นโน้มน้าวทางการทูตกับเกาหลีเหนือ "สิ่งที่เราเห็นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มันเน้นย้ำถึงความเชื่อของเราที่ว่าหากเราต้องการสร้างความคืบหน้า เมื่อนั้นเราก็จำเป็นต้องเข้าร่วมเจรจา"
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรนี้ มีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธถึง 6 ครั้งนับตั้งแต่เดือนกันยายน ซึ่งแต่ละครั้งล้วนแต่ละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ไบรอัน เนลสัน ปลัดกระทรวงการคลัง ฝ่ายต่อต้านก่อการร้ายและข่าวกรองการเงิน ระบุว่า ความเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเล่นงานเกาหลีเหนือ "ที่ยังคงใช้ตัวแทนในต่างแดนดำเนินการจัดซื้อสินค้าอย่างผิดกฎหมาย สำหรับโครงการอาวุธ"
ถ้อยแถลงระบุต่อว่า "การยิงทดสอบล่าสุดของเกาหลีเหนือ คือหลักฐานเพิ่มเติมว่าพวกเขายังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการอาวุธต้องห้าม แม้ประชาคมนานาชาติส่งเสียงเรียกร้องให้เจรจาและปลดนิวเคลียร์"
ในถ้อยแถลงระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ ขึ้นบัญชีดำนายโช มยอง ฮยอน ชาวเกาหลีเหนือที่พำนักอยู่ในรัสเซีย โรมัน อนาตอลเยวิช อาลาร์ พลเมืองชาวรัสเซียและ Parsek LLC บริษัทสัญชาติรัสเซีย โทษฐาน "ดำเนินกิจกรรมต่างๆ หรือทำธุรกรรมที่สนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมต่อการแพร่ขยายอาวุธทำลายล้าง"
คำแถลงระบุว่า โช มยอง ฮยอน ซึ่งพักอาศัยในเมืองวลาดิวอสตอค เป็นตัวแทนของสถาบัน Second Academy of Natural Sciences (SANS) ของเกาหลีเหนือ และทำหน้าที่จัดซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับโทรคมนาคมจากรัสเซีย
ผู้แทนของเกาหลีเหนือ 4 คนขององค์กรต่างๆ ในประเทศจีน ที่อยู่ภายใต้สังกัดของ SANS ก็ถูกคว่ำบาตรเช่นกัน ประกอบด้วย ซิม ควาง ซ็อก, คิม ซอง ฮุน, คิม ชอล ฮัก และพยอน ควาง ซอล เช่นเดียวกับ โอ ยอง โฮ ชาวเกาหลีเหนืออีกคนที่พำนักอยู่ในรัสเซีย
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ซิม ควาง ซ็อก ซึ่งอยู่ในต้าเหลียน ทำหน้าที่จัดซื้อเหล็กอัลลอย และคิม ซอง ฮุน ซึ่งอยู่ในเสิ่นหยาง รับผิดชอบงานด้านซอฟต์แวร์และสารเคมี
แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ระห่างปี 2016 ถึง 2121 เป็นอย่างน้อย นายโอ ยอง โฮ ทำงานร่วมกับบริษัท Parsek LLC ในการจัดหาสินค้าต่างๆ ที่จะนำไปใช้ในโครงการขีปนาวุธ ในนั้นรวมถึงเส้นใยเคฟลาร์ เส้นใยอะรามิด น้ำมันอากาศยาน ตลับลูกปืนเม็ดกลมและเครื่องกัดขึ้นรูปวัสดุ
บลินเคน บอกว่า อาลาร์ ยังได้ให้คำแนะนำกับโอ ยอง โฮ เกี่ยวกับทำเชื้อเพลิงผสมสำหรับจรวด "ความสัมพันธ์ของการจัดหาและส่งมอบระหว่างโอ ยอง โฮ, โรมันอนาตอลเยวิช อาลาร์ และ Parsek LLC คือบ่อเกิดหลักของสินค้าและเทคโนโลยีที่ใช้ในขีปนาวุธ สำหรับโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ"
สื่อมวลชนเกาหลีเหนือรายงานว่า ผู้นำ คิม จองอึน ร่วมสังเกตการณ์การทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกด้วยตนเองเมื่อวันอังคาร (11 ม.ค.) ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ หลังจากเขาประกาศระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในวันปีใหม่ ว่าจะยกระดับกองทัพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
การทดสอบในวันอังคาร (11 ม.ค.) มีขึ้นหลังจากผู้แทนของสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ร่วมด้วยแอลเบเนีย ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร ออกมาประณามการทดลองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติทำตามพันธสัญญาคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ
มติของสหประชาชาติห้ามเกาหลีเหนือจากการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ และได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ
ไพรซ์ ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถูุกถามว่าทำไมมาตรการคว่ำบาตรล่าสุดนี้ถึงไม่ได้เล็งเป้าเล่นงานบุคคลชาวจีนหรือบริษัทต่างๆ ของจีน รวมถึงไม่ตอบคำถามที่ถามว่าจีนและรัสเซียดำเนินการอย่างเพียงพอสำหรับบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรหรือไม่ แต่เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญที่รัฐสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดต้องปฏิบัติตาม "แต่แน่นอนว่า เราคงไม่ได้เห็นแบบนั้นกับทุกประเทศ"
ความเคลื่อนไหวคว่ำบาตรในวันพุธ (12 ม.ค.) เป็นการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ ของบุคคลและบริษัทที่ตกเป็นเป้าหมาย รวมถึงห้ามติดต่อคบค้ากับพวกเขา
(ที่มา : รอยเตอร์)