ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 อย่างเป็นทางการของสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้นเหนือ 150,000 รายในวันเสาร์ (9 ม.ค.) จากข้อมูลของรัฐบาล ในขณะที่มันเกิดขึ้นท่ามกลางสัญญาณระลอกการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอนอาจผ่านจุดสูงสุดแล้ว
สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้เสียชีวิตภายในช่วง 28 วันหลังผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก เพิ่มอีก 313 รายในวันเสาร์ (9 ม.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมภายในประเทศอยู่ที่ 150,057 ราย
"ไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศของเรา และวันนี้จำนวนผู้เสียชีวิตแตะระดับ 150,000 คน" บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรระบุในถ้อยแถลง "หนทางที่เราจะออกจากโรคระบาดใหญ่นี้คือ ทุกคนต้องฉีดเข็มกระตุ้น หรือเข็มแรกและเข็ม 2 หากยังไม่ได้รับ"
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรต้องเผชิญกับระลอกเคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นอย่างมาก ที่เชื่อมโยงกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน แม้อัตราการเสียชีวิตจะต่ำกว่าระลอกการแพร่ระบาดก่อนหน้านี้ก็ตาม
รัฐบาลได้มุ่งเน้นไปที่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งแตะระดับเกินกว่า 60% ของประชากรแล้ว แทนที่จะบังคับกลับเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ต่างๆ ที่เคยพบเห็นในช่วงต้นของโรคระบาดใหญ่
มีประชาชนราว 1.227 คน ที่มีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวกในช่วง 7 วันหลังสุด เพิ่มขึ้นจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น 11% ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตรายสัปดาห์อยู่ที่ 1,271 คน เพิ่มขึ้นจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ 38%
อย่างไรก็ตาม ในข้อมูลปรากฏสัญญาณในเบื้องต้นว่า บางทีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจถึงจุดพีกแล้ว ด้วยรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 146,390 คนในวันเสาร์ (8 ม.ค.) ลดลงจากระดับสูงสุด 128,724 คนที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร (4 ม.ค..)
สหราชอาณาจักรมีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของยุโรป เป็นรองเพียงรัสเซีย แต่ในแง่ของการเทียบต่อจำนวนประชากรนั้น สหรัฐฯ อิตาลี เบลเยียม และหลายประเทศในยุโรปตะวันออกมีอัตราการเสียชีวิตสะสมสูงกว่า แม้อัตราการเสียชีวิตของสหราชอาณาจักรจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรปราว 7% ก็ตาม
(ที่มา : รอยเตอร์)
