xs
xsm
sm
md
lg

‘ไบเดน’ ยันอเมริกาพร้อมสู้ โอมิครอน ‘อิสราเอล’ ยังไวกว่าใครเตรียมฉีด ‘วัคซีนเข็ม 4’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ พูดเรื่องการต่อสู้กับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน วันอังคาร (21 ธ.ค.)
ไบเดนปลุกขวัญอเมริกันชน ยันประเทศ “พร้อม” สู้โอมิครอน ด้านอิสราเอลผู้บุกเบิกการฉีดวัคซีนกระตุ้น เดินหน้าฉีดเข็ม 4 ให้ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไปและบุคลากรทางการแพทย์ ขณะที่ WHO เตือนพายุลูกใหม่กำลังจะจู่โจมยุโรป เนื่องจากภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ โอมิครอนจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในภูมิภาคนี้

การระบาดอย่างรวดเร็วของโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอนกดดันให้หลายประเทศต้องฟื้นมาตรการจำกัดเข้มงวดมาบังคับใช้ก่อนเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ ดับความหวังว่า สถานการณ์เลวร้ายที่สุดของโรคระบาดใหญ่ผ่านพ้นไปแล้ว รวมทั้งต้องปรับเปลี่ยนแผนใหม่เพื่อสกัดการลุกลามของโอมิครอน

ในวันอังคาร (21 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศมาตรการใหม่ในการต่อสู้การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการจัดส่งชุดตรวจให้ประชาชน 500 ล้านครัวเรือนฟรีตั้งแต่เดือนมกราคม ส่งแพทย์และพยาบาล 1,000 คนของกองทัพไปช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลบางพื้นที่ที่มีผู้ป่วยโควิดจำนวนมาก จัดส่งสิ่งของจำเป็นให้รัฐที่มีการระบาดรุนแรง เพิ่มศูนย์ตรวจโควิดฟรีและศูนย์ฉีดวัคซีน

ไบเดน เสริมว่า อเมริกาควรกังวลกับโอมิครอน แต่ไม่ถึงขั้นตื่นตระหนก และรับประกันว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้จะไม่ทำให้ประเทศกลับสู่สถานการณ์เลวร้ายเหมือนเมื่อเดือนมีนาคม 2020 เนื่องจากอเมริกาเตรียมพร้อมและมีข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาตัวนี้มากขึ้น

ประมุขทำเนียบขาวย้ำว่า โครงการฉีดวัคซีนจะช่วยปกป้องประชาชน 62% ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว จากการล้มป่วยรุนแรง พร้อมตำหนิพวกที่ไม่ฉีดวัคซีนว่า ไม่แสดงความรักชาติ

ขณะนี้ โอมิครอนกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอเมริกา รวมถึงอังกฤษ และเดนมาร์กไปแล้ว

ทางด้านอิสราเอล นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ แถลงว่า จะเปิดให้ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไปและบุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่ 4 ตามคำแนะนำของคณะผู้เชี่ยวชาญ

อิสราเอลเป็นประเทศแรกในโลกที่จัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ประชาชนอย่างกว้างขวาง ซึ่งตอนนั้นผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า ไม่จำเป็น ก่อนกลับลำสนับสนุนในเวลาต่อมา

ส่วนที่ยุโรป ฮันส์ คลูจ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ภาคพื้นยุโรป แถลงวันอังคาร โดยเตือนว่า พายุลูกใหม่กำลังจะจู่โจมภูมิภาคนี้ เนื่องจากภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ โอมิครอนจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในยุโรป ทำให้ระบบสาธารณสุขที่รับภาระหนักอยู่แล้วใกล้ล่มมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลชาติต่างๆ จึงต้องเร่งเตรียมพร้อมรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่อาจพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

ข้อมูลของ WHO ระบุว่า ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมายุโรปเป็นภูมิภาคที่จำนวนเคสใหม่พุ่งสูงสุดในโลกเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร และมีการออกคำเตือนตั้งแต่โอมิครอนยังไม่อุบัติขึ้นว่า จะมีผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มขึ้นอีก 700,000 คนภายในเดือนมีนาคมปีหน้า

คลูจ สำทับว่า การฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นปราการสำคัญที่สุดในการรับมือโอมิครอน

ภาพถ่ายจากทางอากาศ มองเห็นรถยนต์จำนวนมากเรียงแถวกันยาวเหยียด ณ จุดตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ที่ ทรอปิคอล ปาร์ก ในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (21 ธ.ค.) ทั้งนี้ขณะที่อีกไม่กี่วันจะถึงคริสต์มาส ชาวอเมริกันต้องเข้าแถวกันยาวเหยียดเพื่อรับการตรวจหาเชื้อ เนื่องจากต้องนำผลไปยืนยันสำหรับการเข้าใช้บริการหลายๆ ชนิด
เมื่อวันจันทร์ (20) เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ออกมาเตือนเรื่องการฉลองใหญ่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ ซึ่งจะเปิดทางให้โควิดโดยเฉพาะตัวกลายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดออกไปอย่างรวดเร็ว

ปรากฏว่า เยอรมนีขานรับ โดยประกาศจำกัดจำนวนคนร่วมปาร์ตี้ซึ่งจัดกันเป็นการภายใน ไม่ให้เกิน 10 คน พร้อมกันนั้นก็ปิดไนต์คลับ และห้ามการเข้าชมกิจกรรมขนาดใหญ่ที่รวมถึงการแข่งขันฟุตบอล

ด้านฟินแลนด์ นายกรัฐมนตรีซันนา มาริน กำหนดให้บาร์ในประเทศปิดให้บริการในเวลา 21.00 น. ในวันก่อนคริสต์มาส (24) เพื่อต่อสู้กับยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นทำสถิติ

สำหรับแคว้นกาตาลุญญาของสเปนกำลังพิจารณายกระดับมาตรการสกัดโควิดเช่นเดียวกัน ขณะที่โมร็อกโกประกาศแบนการฉลองส่งท้ายปีเก่า ส่วนเนเธอร์แลนด์ล็อกดาวน์ตั้งแต่ต้นสัปดาห์

โอมิครอนยังทำให้รัฐบาลทั่วโลกเร่งจำกัดการเดินทาง เช่น สิงคโปร์ที่เตรียมระงับการขายตั๋วเครื่องบินและรถบัสภายใต้โครงการเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวนับจากวันพฤหัสฯ (23) จนถึงวันที่ 20 มกราคม เพื่อลดความเสี่ยงจากโอมิครอน

ที่ฮ่องกง คาเธ่ย์ แปซิฟิก แอร์เวย์เตรียมยกเลิกเที่ยวบินบางเส้นทางในเดือนหน้า หลังจากฮ่องกงยกระดับมาตรการกักตัว

ญี่ปุ่นพบกรณีน่าสงสัยโอมิครอนระบาดในชุมชนเมื่อวันพุธ (22) ขณะที่อินเดียเรียกร้องให้รัฐต่างๆ เตรียมพร้อมรับมือจำนวนผู้ติดเชื้อที่อาจพุ่งขึ้นอีกครั้ง และอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นบังคับใช้มาตรการสกัดโควิดด้วยการห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมขนาดใหญ่ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว

วันพุธ ออสเตรเลียรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเกิน 5,000 คนเป็นครั้งแรกนับจากที่โควิดระบาด โดยเคสใหม่จำนวนมากอยู่ในรัฐที่มีประชากรมากที่สุดคือ นิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรีย

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ประกาศตั้งกองทุนวัคซีนใหม่สำหรับคลินิกและร้านขายยา และเรียกร้องให้รัฐต่างๆ เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนอีกครั้งหลังจากปิดไปก่อนหน้านี้เนื่องจากจำนวนผู้ใหญ่ที่รับวัคซีนครบ 2 โดสสูงเกิน 80% กระนั้น มอร์ริสันย้ำว่า จะไม่ฟื้นมาตรการล็อกดาวน์มาบังคับใช้ใหม่

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น