ซิดนีย์ปฏิเสธคุมเข้มสกัด ‘โอมิครอน’ วอนประชาชน 'เลิกกลัว-ต้องอยู่ให้เป็น'

นครซิดนีย์ของออสเตรเลียวอนประชาชน “เลิกหวาดกลัว” ไวรัสโคโรนา พร้อมปฏิเสธฟื้นมาตรการบังคับสวมหน้ากากในที่ร่ม และจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในสถานที่ต่างๆ แม้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันจะยังคงพุ่งสูงเกือบทุบสถิติใหม่ก็ตาม

ในขณะที่ทั่วโลกกังวลความเสี่ยงจากเชื้อ “โอมิครอน” ที่แพร่ระบาดได้ง่าย แต่ผู้คนในซิดนีย์ซึ่งเป็นหนึ่งในมหานครที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเริ่มกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงภาวะปกติตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ภาครัฐตัดสินใจยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ เพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส

“ไวรัสชนิดนี้มีการกลายพันธุ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ” โดมินิก เพอร์รอตเทต นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ให้สัมภาษณ์สื่อที่ซิดนีย์

“โรคระบาดจะยังไม่หมดไปง่ายๆ ดังนั้น เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน เรายังจำเป็นที่จะต้องลดความหวาดกลัวลง และไปเพิ่มความหวังและความมั่นใจให้มากขึ้น”

โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังระบาดไปทั่วยุโรปทำเนเธอร์แลนด์ตัดสินใจกลับมา “ล็อกดาวน์” อีกครั้ง และคาดว่าประเทศใกล้เคียงจะเริ่มนำมาตรการคุมเข้มกลับมาใช้ใหม่เช่นกัน แต่ในทางตรงข้าม รัฐบาลออสเตรเลียกลับมุ่งไปสู่การคลายล็อก ทั้งๆ ที่ยอดผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น โดยยังหวังว่าการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมจะช่วยให้ยอดคนป่วยในโรงพยาบาลไม่สูงจนเกินไป

เวลานี้ประชากรออสเตรเลียที่อายุเกิน 16 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนครบแล้วเกิน 90%

เพอร์รอตเทต ชี้ว่า การฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมจะช่วยให้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง และแม้ผู้เชี่ยวชาญจะออกมาเตือนให้ฟื้นข้อจำกัดทางสังคม แต่นายกฯ นิวเซาท์เวลส์ยังคงยืนกรานที่จะ “ใช้แนวทางตอบสนองอย่างสมดุลและเหมาะสม” และขอให้ประชาชนสนใจแค่ตัวเลขผู้ป่วยที่อาการหนัก

ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 255,000 คน และไม่มีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตเพิ่มในวันนี้ (20) และแม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนคนป่วยในโรงพยาบาลยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับช่วงที่โควิดเดลตาระบาดหนักสุด

รัฐนิวเซาท์เวลส์มีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,501 คนวันนี้ (20) ลดลงเล็กน้อยจากสถิติรายวันสูงสุด 2,566 คนเมื่อวันอาทิตย์ (19) ส่วนรัฐวิกตอเรียที่อยู่ข้างเคียงมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 1,302 คน

ที่มา : รอยเตอร์