เนเธอร์แลนด์เริ่มมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันอาทิตย์ (19 ธ.ค.) และเป็นไปได้ว่า หลายประเทศในยุโรปอาจต้องยกระดับมาตรการคุมไวรัสก่อนเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ หลัง “โอมิครอน”ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก ขณะที่อังกฤษเผยมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสตัวกลายพันธุ์นี้ 12 คน ด้าน นพ.แอนโทนี ฟาวซี หมอใหญ่อเมริกา เร่งประชาชนฉีดวัคซีน เตือนแม้ข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า อาการอาจไม่รุนแรง แต่หากโอมิครอนยังระบาดอย่างรวดเร็วอาจทำให้โรงพยาบาลต้องรับภาระหนักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ
สถานที่ต่างๆ ในเนเธอร์แลนด์เริ่มร้างผู้คน หลังจากรัฐบาลเริ่มมาตรการล็อกดาวน์ในวันอาทิตย์ สั่งปิดห้างร้านที่ไม่สำคัญทั้งหมดจนถึงวันที่ 14 มกราคม
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (18) ว่า ตัวกลายพันธุ์ “โอมิครอน” ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่พบครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้วทางใต้ของทวีปแอฟริกา กำลังระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลกโดยล่าสุด ตรวจเจอแล้วใน 89 ประเทศและดินแดน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายใน 1.5-3 วันในพื้นที่ที่มีการระบาดในชุมชน แต่สำทับว่า มีอีกหลายประเด็นที่ยังไม่รู้ ซึ่งรวมถึงความรุนแรงของโรคจากโอมิครอน
หลายประเทศในยุโรปกำลังพิจารณาเพิ่มมาตรการสกัดโควิดในช่วงจังหวะที่ธุรกิจต่างๆ คาดหวังให้ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้นทั้งในการซื้อสินค้า ความบันเทิง และการเดินทางในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ปัจจุบัน ตามการติดตามของสำนักข่าวรอยเตอร์ มี 64 จาก 240 ประเทศและดินแดน ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อของโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น และ 12 ประเทศ ในจำนวนนี้พบผู้ติดเชื้อมากกว่าในช่วงเวลาใดๆ นับจากที่เกิดวิกฤตโรคระบาดใหญ่คราวนี้ ซึ่งในประเทศเหล่านี้คือสหราชอาณาจักร
ในวันจันทร์ (20) รองนายกรัฐมนตรีโดมินิก ราบ แถลงว่า อังกฤษพบผู้เสียชีวิตจากโอมิครอน 12 คน และมีผู้ป่วยจากโอมิครอนที่รับการรักษาในโรงพยาบาล 104 คนในขณะนี้ ราบยังไม่ตัดความเป็นไปได้ว่า อังกฤษอาจต้องยกระดับมาตรการจำกัดทางสังคมก่อนคริสต์มาส
ก่อนหน้านี้สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนว่า จำนวนผู้รักษาตัวในโรงพยาบาลอาจพุ่งขึ้นทำสถิติจากการระบาดระลอกล่าสุด
ทางด้านอิตาลี รัฐบาลก็กำลังพิจารณาออกมาตรการใหม่ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นระหว่างเทศกาลวันหยุดคริสต์มาส-ปีใหม่
คอร์เรีย เดลลา เซรา หนังสือพิมพ์ของอิตาลีรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า หลังประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 23 ที่จะถึง นายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี อาจกำหนดให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบก่อนเข้าสู่สถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงไนต์คลับและสนามกีฬา
สำหรับเยอรมนี คาร์ล เลาเตอร์บัค รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี เผยในวันอาทิตย์ ว่า ไม่มีแผนล็อกดาวน์ช่วงคริสต์มาส แต่เตือนว่า อาจไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดระลอก 5 ได้อีกต่อไป และเขาเห็นว่า การบังคับฉีดวัคซีนเป็นวิธีเดียวในการทำให้โรคระบาดใหญ่ยุติลง
ที่อเมริกา ซึ่งรอยเตอร์รายงานว่า มีผู้ติดโควิดเพิ่มขึ้นถึง 50% นับจากต้นเดือนนี้ นายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของคณะบริหารไบเดน เตือนระหว่างให้สัมภาษณ์ทีวีวันอาทิตย์ว่า สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ โอมิครอนมีศักยภาพในการระบาดสูงมากและตอนนี้กำลังลามไปทั่วโลก
ฟาวซีไม่เห็นด้วยกับการมองแง่ดีเกี่ยวกับความรุนแรงของโอมิครอน โดยตั้งข้อสังเกตว่า การที่สัดส่วนการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนในแอฟริกาใต้ต่ำกว่าตัวกลายพันธุ์เดลตา อาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการระบาดครั้งก่อนๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของอเมริกาผู้นี้ยังกล่าวว่า หากจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นในระดับปัจจุบันไปอีก 1-2 สัปดาห์ โรงพยาบาลจะต้องรับภาระหนักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ
ฟาวซียังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเข้ารับวัคซีน ส่วนคนที่ฉีดแล้วให้ฉีดกระตุ้น ซึ่งผลศึกษาเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอนได้
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ วุฒิสมาชิกชั้นนำ 2 คนของอเมริกาคือ เอลิซาเบธ วอร์เรน และคอรี บุ๊กเกอร์ ทวิตว่า ติดโควิดแม้ฉีดวัคซีนครบและฉีดกระตุ้นแล้ว แต่มีอาการเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ไม่มีรายละเอียดว่า ทั้งคู่ติดโอมิครอนหรือไม่
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)