ฟิลิปปินส์อัปเดตในเย็นวันจันทร์ (20 ธ.ค.) ตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก “ไต้ฝุ่นราอี” โดยปรับเพิ่มเป็น 375 คน สูญหายกว่า 50 คน และบาดเจ็บอีก 500 คน กลายเป็นหนึ่งในพายุพัดเข้าดินแดนตากาล็อกที่มีอิทธิฤทธิ์รุนแรงที่สุด ขณะเดียวกัน ผู้รอดชีวิตต่างร้องขอน้ำดื่มและอาหารช่วยเหลือโดยด่วน
ฤทธิ์ไต้ฝุ่นราอีพัดพาหลังคาบ้านเรือนจำนวนมากปลิว ต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้มระเนระนาด บ้านไม้ที่ไม่มั่นคงพากันพังเหลือแค่ซาก หลายหมู่บ้านถูกน้ำท่วมขัง ทำให้หลายคนนึกถึงซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” เมื่อปี 2013 ที่มีผู้เสียชีวิต หรือสูญหายกว่า 7,300 คน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์แถลงช่วงเย็นวันจันทร์ว่า พบผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นราอีที่เข้าถล่มพื้นที่จังหวัดทางตอนกลางและตอนล่างของประเทศเมื่อปลายสัปดาห์แล้วอย่างน้อย 375 คน สูงกว่าที่สำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติระบุไว้หลายเท่า โดยสำนักงานภัยพิบัติ แจ้งว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายงานจากพื้นที่ประสบภัย
นอกจากนี้ ยังมีผู้สูญหายอีก 56 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บ 500 คน ขณะที่ปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ยังดำเนินต่อไปอย่างเร่งด่วน แต่ติดปัญหาจากระบบสื่อสารและไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหายและยังไม่ได้รับการแก้ไขในหลายพื้นที่ รวมถึงถนนที่มีต้นไม้และเสาไฟล้มกีดขวางการสัญจร
ประชาชนเกือบ 400,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ตลอดจนรีสอร์ตริมทะเลก่อนที่ไต้ฝ่นลูกนี้จะขึ้นฝั่งเมื่อวันพฤหัสฯ (16) ในรูปซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่มีความเร็วลม 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สร้างความเสียหายอย่างหนักในจังหวัดเซบู เลเต และซูรีเกาเดลนอร์เต รวมถึงแหล่งเล่นเซิร์ฟยอดนิยมอย่างเซียร์เกา หมู่เกาะดีนากัต และหมู่เกาะมินดาเนา ก่อนเคลื่อนตัวไปทางทะเลจีนใต้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
หนึ่งในหมู่เกาะที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ โบฮอล ซึ่งเป็นที่รู้จักจากหาดทรายสวยงาม โดยอาร์เธอร์ ยัป ผู้ว่าราชการจังหวัด โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน และมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว
นอกจากนั้น ยังพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คนในหมู่เกาะดีนากัต ขณะที่ผู้รอดชีวิตในพื้นที่ประสบภัยหลายแห่งร้องขอน้ำดื่มและอาหารอย่างเร่งด่วน
ไต้ฝุ่นราอียังสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ที่กำลังพยายามฟื้นคืนชีพจากมาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวดิ่งฮวบ
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ที่เดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยรุนแรงที่สุดเมื่อวันเสาร์ (18) ประกาศจัดสรรเงินราว 2,000 ล้านเปโซ (40 ล้านดอลลาร์) เพื่อฟื้นฟูจังหวัดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากไต้ฝุ่นลูกนี้
ขณะเดียวกัน ทหาร ตำรวจ หน่วยยามฝั่ง และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลายพันคนถูกส่งไปช่วยบรรเทาทุกข์ เช่นเดียวกับเรือของกองทัพเรือและหน่วยยามฝั่ง ขณะที่เครื่องบินก็ลำเลียงอาหาร น้ำ และเวชภัณฑ์ไปมอบให้ผู้ประสบภัย นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเครื่องจักรกลหนัก เช่น รถแบ็กโฮและรถตักไปจัดการเคลียร์ต้นไม้และเสาไฟที่ล้มขวางถนน
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยเผชิญพายุและไต้ฝุ่นเฉลี่ย 20 ลูกทุกปี สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแกภาคเกษตรกรรม บ้านเรือน และโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ซึ่งชีวิตความเป็นอยู่ลำบากอยู่แล้ว
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)