อังกฤษพบผู้เสียชีวิตจาก “โอมิครอน” คนแรก ขณะที่ตัวกลายพันธุ์น่ากังวลล่าสุดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้ไปโผล่ในจีนเป็นเคสแรกแล้วเช่นกัน ด้านแคนาดาและไอร์แลนด์ต่างคาดโอมิครอนจะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนอเมริกาแนะนำพลเมืองงดเดินทางไปอิตาลี กรีนแลนด์ และมอริเชียส เนื่องจากสถานการณ์โควิด และรัฐแคลิฟอร์เนียเตรียมออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากในอาคารสาธารณะ มีผลบังคับใช้นาน 1 เดือน
เจ้าหน้าที่เมืองเทียนจิน (เทียนสิน) เมืองท่าใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ กรุงปักกิ่ง แถลงยืนยันเมื่อวันจันทร์ (13 ธ.ค.) ว่า พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนคนแรกในจีน โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ทว่าไม่ได้ระบุว่าเป็นประเทศใด
หนังสือพิมพ์เทียนจินเดลี่รายงานว่า บุคคลดังกล่าวไม่มีอาการ แต่ตรวจพบติดโควิด-19 เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (9) ก่อนที่ผลการตรวจเพิ่มเติมจะยืนยันว่า ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอน และขณะนี้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โอมิครอนระบาดได้ง่ายกว่าตัวกลายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้านี้ รวมทั้งอาจทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพน้อยลง แต่ย้ำว่า ยังต้องรอศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
ส่วนที่อังกฤษ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า พบผู้เสียชีวิตจากโอมิครอนอย่างน้อย 1 คน ซึ่งถือเป็นผู้เสียชีวิตจากตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ที่ได้รับการยืนยันเป็นรายแรกของโลก
นับจากตรวจพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน จอห์นสันได้ยกระดับมาตรการจำกัดเข้มงวดต่างๆ และเมื่อวันอาทิตย์ (12) ยังตั้งข้อสังเกตว่า โอมิครอนอาจเอาชนะภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน 2 เข็มได้
อังกฤษไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดผู้เสียชีวิต นอกจากระบุว่า บุคคลดังกล่าวได้รับการวินิจฉัยว่า ติดโอมิครอนระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล และยังไม่มีข้อมูลว่า ผู้เสียชีวิตฉีดวัคซีนแล้วหรือมีโรคประจำตัวอยู่เดิมหรือไม่
จากข้อมูลเบื้องต้นในหลายๆ ประเทศออกมาตรงกันว่า ผู้ติดเชื้อโอมิครอนแทบทั้งหมดไม่แสดงอาการที่รุนแรง อย่างไรก็ดี ขณะนี้อาจมีผู้เสียชีวิตจากตัวกลายพันธุ์นี้แล้วในประเทศอื่นๆ เพียงแต่ยังไม่มีประเทศใดนอกจากอังกฤษที่ยืนยันอย่างเป็นทางการ
ก่อนเปิดเผยผู้เสียชีวิตรายแรก อังกฤษระบุว่า มีผู้ติดเชื้อโอมิครอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยมีอายุระหว่าง 18-85 ปี และส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว
ซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อ 44% ในลอนดอนขณะนี้ติดเชื้อจากสายพันธ์โอมิครอน และคาดว่า สายพันธุ์นี้จะเป็นสายพันธุ์หลักในการระบาดในเมืองหลวงของอังกฤษภายใน 48 ชั่วโมง จาวิด ยังประเมินว่า จะมีเคสใหม่จากสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้นวันละ 200,000 คน
ทางด้านไอร์แลนด์ก็คาดหมายสถานการณ์ในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า โอมิครอนอาจระบาดรวดเร็วจนคิดเป็นสัดส่วน 11% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่
โทนี โฮโลแฮน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของไอร์แลนด์ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า เวลานี้ไอร์แลนด์มีผู้ได้รับการยืนยันติดโอมิครอน 18 คน จากการตรวจวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมของผู้ติดโควิดรายใหม่เฉลี่ย 4,000 คนต่อวัน และคาดว่า ด้วยวิธีนี้จะพบเคสใหม่ที่ติดโอมิครอนเพิ่มขึ้น 11% จากที่เพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
วันเดียวกันนั้น แคนาดาคาดการณ์ว่า จำนวนผู้ติดโควิดอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วันจากการที่โอมิครอนระบาดในชุมชน โดยประเมินจากสถานการณ์ในออนแทริโอ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ
จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในออนแทริโอทำให้รัฐบาลท้องถิ่นสั่งระงับการผ่อนคลายกฎที่เดิมคาดว่า จะประกาศใช้ก่อนช่วงเทศกาลวันหยุดคริสต์มาส โดยในวันจันทร์นั้นพบเคสใหม่เพิ่มขึ้น 1,536 คน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 70% จากสัปดาห์ที่แล้ว ในจำนวนนี้ติดโอมิครอน 80 คน
ออนแทริโอยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำงานจากที่บ้านอย่างน้อยจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
ที่อเมริกา ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) แนะนำพลเมืองงดเดินทางไปอิตาลี กรีนแลนด์ และมอริเชียส เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด รวมแล้วขณะนี้มี 84 ประเทศที่มีการเตือนระดับ 4 หรือสูงมาก ซึ่งรวมถึงประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป
ขณะเดียวกัน รัฐแคลิฟอร์เนียเตรียมประกาศให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารสาธารณะตั้งแต่วันพุธ (15) และมีผลบังคับใช้นาน 1 เดือน
มาร์ก เกลี รัฐมนตรีสุขภาพและบริการประชาชนของแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อภายในรัฐเพิ่มขึ้น 47% นับจากเทศกาลขอบคุณพระเจ้า โดยอัตราส่วนผู้ป่วยเวลานี้คือกว่า 14 คนจากประชาชน 100,000 คน
รอยเตอร์รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดในอเมริกาแตะ 800,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ (12) และมีแนวโน้มว่าจะเกิดการระบาดระลอกใหม่เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นทำให้ผู้คนใช้เวลาอยู่ภายในอาคารมากขึ้น อีกทั้งน่าจะเกิดการระบาดของโอมิครอน
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)