xs
xsm
sm
md
lg

‘อังกฤษ’ คาดมีผู้ติด ‘โอมิครอน’ เฉียดหมื่น ส่วน ‘แอฟริกาใต้’ เคสใหม่รายวันพุ่งทุบสถิติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บรรยากาศคนเดินเตร็ดเตร่ตามถนนออกซฟอร์ดสตรีท ย่านชอปปิ้งชื่อดังของกรุงลอนดอน เมื่อคืนวันพุธ (8 ธ.ค.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ประกาศว่าจะต้องนำเอา “แผนบี” หรือแผนฉุกเฉินเร่งด่วนมาใช้ เนื่องจากโควิด-19 กำลังกลับมาระบาดอย่างรวดเร็ว
WHO แนะทั่วโลกปรับแผนรับมือโควิดและเร่งรัดโครงการฉีดวัคซีนเพื่อสกัด “โอมิครอน” ขณะที่นายกฯ อังกฤษประกาศใช้แผนสำรองฉุกเฉิน หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้กว่า 500 คน โดยที่รัฐมนตรีสาธารณสุขพูดในวันพฤหัสบดี (9 ธ.ค.) ว่า ตัวเลขจริงอาจสูงถึงเกือบ 10,000 คน ด้านแอฟริกาใต้เผยตัวเลขเคสใหม่พุ่งทะยานทำสถิติเฉียด 20,000 คน แม้ยังไม่รู้ชัดว่า ติดโอมิครอนกี่คน

เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงในวันพุธ (8) ว่า การแพร่กระจายไปทั่วโลกของโอมิครอน บ่งชี้ให้เห็นว่า ตัวกลายพันธุ์ล่าสุดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานการณ์โรคระบาดใหญ่โควิด-19 ดังนั้น ทุกประเทศจึงควรยกระดับการเฝ้าระวัง การตรวจสอบและการลำดับเบสพันธุกรรม พร้อมย้ำว่า การนิ่งนอนใจจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น

ด้านไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินของ WHO สำทับว่า จากแนวโน้มที่โอมิครอนอาจแพร่เชื้อง่ายขึ้น ดังนั้น จึงต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด

ขณะเดียวกัน ซุมยา สวามินาทาน หัวหน้านักวิจัยของ WHO ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับผลศึกษาเบื้องต้นจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการของไบออนเทค/ไฟเซอร์ ที่บ่งชี้ว่า การฉีดวัคซีนที่บริษัททั้งสองร่วมกันผลิต 3 เข็มสามารถทำให้โอมิครอนอ่อนกำลังลงได้ ขณะที่ผู้ที่ฉีดเพียง 2 เข็ม มีแอนติบอดี้ลดลง 25 เท่าในการต่อต้านโอมิครอน หากเปรียบเทียบกับการต่อต้านตัวกลายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้านี้ของไวรัสโคโรนา

สวามินาทาน เตือนว่า ไม่ควรด่วนสรุปว่า การลดลงของแอนติบอดี้หมายความว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์มีความซับซ้อนมาก

WHO ระบุด้วยว่า จะเผยแพร่รายงานการทบทวนจุดยืนเกี่ยวกับวัคซีนเข็มกระตุ้นภายในไม่กี่วันนี้ แต่สำทับว่า เป้าหมายสำคัญสูงสุดยังอยู่ที่การเร่งฉีดวัคซีนเข็มแรก ในขณะที่อัตราการฉีดวัควีนในประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากยังต่ำเตี้ยอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง

ส่วนที่แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่รายงานการพบโอมิครอน รายงานในวันพุธว่า จำนวนผู้ติดโควิดในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกือบ 20,000 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ที่พบโอมิครอนเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 36 คน

อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่าในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนมากน้อยเท่าใด ถึงแม้พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้เป็นปัจจัยการระบาดระลอก 4 ในแอฟริกาใต้

สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติ (เอ็นไอซีดี) รายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของแอฟริกาใต้ล่าสุดอยู่ที่ 3.071 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 90,000 คน

นอกจากนั้น เมื่อวันพุธ หน่วยงานสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ (ซอห์ปรา) ได้อนุมัติการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 แก่ผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ขณะแถลงข่าวเรื่องการหวนกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดโควิด-19 ที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี ถนนดาวนิ่งสตรีท ในกรุงลอนดอน วันพุธ (8 ธ.ค.)
ข้ามมาทางยุโรป อังกฤษกลายเป็นอีกประเทศที่เร่งออกมาตรการสกัดโอมิครอน โดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ประกาศเมื่อวันพุธให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน สวมหน้ากากป้องกันขณะอยู่ในสถานที่สาธารณะ นอกจากนั้น เขายังประกาศเป็นครั้งแรกให้ใช้ใบรับรองการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นมาตรการชะลอการระบาดของโอมิครอน ที่ขณะนี้พบในอังกฤษแล้ว 568 คน

จอห์นสันกล่าวว่า การระบาดอย่างรวดเร็วมากของโอมิครอน ทำให้ตนไม่มีทางเลือกนอกจากเปลี่ยนมาใช้ “แผนบี” ซึ่งหมายถึงแผนสำรองฉุกเฉินที่เตรียมไว้ ควบคู่กับการเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

ทั้งนี้ จอห์นสัน ซึ่งยกเลิกมาตรการจำกัดเข้มงวดเพื่อสกัดโควิดส่วนใหญ่ไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมภายหลังโครงการฉีดวัคซีนรุดหน้าอย่างรวดเร็ว เคยประกาศว่า อังกฤษจะไม่ต้องล็อกดาวน์รอบสี่ในช่วงฤดูหนาวนี้ กระนั้นอังกฤษก็เตรียมแผนบีสำรองเอาไว้

ส่วนหนึ่งของแผนบี เช่น การฟื้นคำสั่งสวมหน้ากากป้องกันในระบบขนส่งสาธารณะและห้างร้าน ถูกนำกลับมาใช้ใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ไปแล้ว ทว่า เมื่อวันพุธ จอห์นสันยังขอให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน พร้อมกำหนดให้ต้องสวมหน้ากากป้องกันในสถานที่สาธารณะ เช่น โรงละครและโรงภาพยนตร์ รวมทั้งต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนเพื่อเข้าใช้บริการในไนต์คลับและสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก

ในเวลาต่อมา ซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวเมื่อวันพฤหัสฯ (9) ว่า เจ้าหน้าที่ประเมินว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่แท้จริงจะสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันถึงราว 20 เท่า ซึ่งก็คือเท่ากับเกือบ 10,000 คน และอาจเพิ่มเป็น 1 ล้านคนภายในสิ้นเดือนนี้ หากยังมีการแพร่ระบาดในอัตราปัจจุบัน

จาวิด สำทับว่า การตัดสินใจยกระดับมาตรการจำกัดขึ้นมาใหม่ในครั้งนี้เพื่อซื้อเวลาให้ประชาชนจำนวนมากขึ้นได้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เป็นการเพิ่มภูมิต้านทานอาการป่วยรุนแรง หากโอมิครอนสามารถหลบเลี่ยงประสิทธิภาพของวัคซีนได้บางส่วน นอกจากนั้น ยังเพื่อไม่ให้บริการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) ต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันที่จะรับมือไม่ไหวในระยะยาว รวมทั้งจะทำให้สามารถหลีกเลี่ยงไม่ต้องออกมาตรการควบคุมเข้มข้นขึ้นในช่วงปีใหม่

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น