xs
xsm
sm
md
lg

โลกใจชื้นยิ่งขึ้น! WHO-US ประสานเสียง 'โอมิครอน' ไม่รุนแรงเท่าตัวกลายพันธุ์ก่อนๆ เชื่อวัคซีนปัจจุบันรับมือได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โอมิครอนดูเหมือนจะไม่ก่ออาการรุนแรงมากกว่าตัวกลายพันธุ์ต่างๆ ของโควิด-19 ก่อนหน้านี้ และมีความเป็นไปได้สูงว่ามันไม่สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกเปิดเผยกับเอเอฟพีในวันอังคาร (7 ธ.ค.) ขณะที่อีกด้านหนึ่งแพทย์ระดับอาวุโสของสหรัฐฯ ก็ระบุคล้ายกัน เชื่อโอมิครอนไม่เลวร้ายกว่าตัวกลายพันธุ์ก่อนๆ และเป็นไปได้ที่ก่ออาการเบากว่าด้วย

ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ในขณะที่ยังมีอีกมากที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตัวกลายพันธุ์ใหม่โควิด-19 ตัวนี้ที่มีการกลายพันธุ์มากมายหลายตำแหน่ง แต่ข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่ามันไม่ให้ทำให้ผู้ติดเชื้อล้มป่วยหนักกว่าตัวกลายพันธุ์เดลตาและอื่นๆ

"ข้อมูลเบื้องต้นไม่ได้บ่งชี้ว่ามันก่ออาการรุนแรงกว่า ข้อเท็จจริงคือ หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ ทิศทางของมันคือมุ่งหน้าสู่แนวโน้มก่ออาการรุนแรงน้อยกว่าด้วย" ไรอันให้สัมภาษณ์ อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่ายังจำเป็นต้องมีการค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติม "มันยังเป็นช่วงต้นๆ เราจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเกี่ยวกับการตีความสัญญาณเหล่านั้น"

ขณะเดียวกัน เขาบอกด้วยว่าไม่พบสัญญาณว่าโอมิครอนสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนโควิด-19 ในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง "จนถึงตอนนี้เรามีวัคซีนประสิทธิภาพสูงที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพกับตัวกลายพันธุ์ทุกตัว ในแง่ของการป้องกันติดเชื้ออาการรุนแรงและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล" เขากล่าว

"ไม่มีเหตุผลที่จะคาดหมายว่ามันจะไม่เป็นไปในทิศทางนี้ สำหรับโอมิครอน" เขากล่าว อ้างถึงข้อมูลเบื้องต้นจากแอฟริกาใต้ ชาติที่พบตัวกลายพันธุ์ดังกล่าวเป็นแห่งแรก ซึ่งบ่งชี้ว่า "อย่างน้อยๆ วัคซีนก็ยังคงรับมือไหวในแง่ของการป้องกัน"

ไรอัน ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้เช่นกันที่วัคซีนต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพลดลงในการรับมือกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน แต่ "แทบไม่มีความเป็นไปได้เลย" ที่มันจะหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนโดยสิ้นเชิง

"เราจำเป็นต้องยืนยันอีกครั้งว่ามีการเล็ดลอดภูมิคุ้มกันหรือไม่ แต่ผมคาดหมายว่าเราจะเห็นการคุ้มกันบางส่วน ข้อมูลเบื้องต้นจากแอฟริกาใต้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเราจะพบการสูญเสียประสิทธิภาพใหญ่หลวง และในข้อเท็จจริงก็คือ ในตอนนี้แนวโน้มมันอยู่ในทิศทางตรงกันข้าม"

ในการต่อสู้กับตัวกลายพันธุ์โควิด-19 ทุกตัว เขากล่าวว่า "อาวุธที่ดีที่สุดที่เรามีอยู่ในตอนนี้ก็คือ การฉีดวัคซีน"

2 สัปดาห์หลังจากถูกพบเป็นครั้งแรก เวลานี้โอมิครอนแผ่ลามสู่ประเทศต่างๆ หลายสิบชาติทั่วโลก

ไรอันกล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากแอฟริกาใต้บ่งชี้ว่าโอมิครอนน่าจะแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าตัวกลายพันธุ์ก่อนๆ พร้อมระบุเรื่องนี้ไม่น่าประหลาดใจเลย "เมื่อครั้งตัวกลายพันธุ์ใหม่ปรากฏ มันจะมีแนวโน้มแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า เพราะมันต้องแข่งขันกับตัวกลายพันธุ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้"

ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้า โอมิครอน จะค่อยๆ แทนที่ตัวกลายพันธุ์เดลตา ก้าวขึ้นมาเป็นสายพันธุ์หลัก

มีสิ่งบ่งชี้เช่นกันว่าโอมิครอนสามารถแพร่เชื้อติดคนที่ฉีดวัคซีนแล้วหรือคนที่เคยติดโควิดมาก่อนได้ง่าย แต่ "สิ่งที่เราให้ความสนใจอย่างยิ่ง ไม่ใช่ดูว่าคุณสามารถติดเชื้อโอมิครอนซ้ำได้ไหม แต่เป็นคำถามที่ว่าการติดเชื้อใหม่ใดๆ นั้นมีอาการรุนแรงกว่าหรือเบากว่า" ไรอันระบุ

เขาบอกว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันมีเป้าหมายป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรง และไม่จำเป็นต้องป้องกันการติดเชื้อไวรัสอาการเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่แสดงอาการที่ก่อความกังวลน้อยกว่า

ในกรณีนี้ ไรอันระบุว่า แม้มีการกลายพันธุ์ต่างๆ แต่ตัวกลายพันธุ์ใหม่ก็ยังเป็นโควิด และควรต่อสู้กับมันด้วยมาตรการเดิม ในนั้นรวมถึงวัคซีน สวมหน้ากาก และเว้นระยะห่างทางสังคม

"ไวรัสไม่ได้เปลี่ยนแปลงลักษณะของมัน มันอาจเปลี่ยนแปลงในแง่ของประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้เปลี่ยนเกมทั้งหมด กฎของเกมยังคงเหมือนเดิม" เขากล่าว

อีกด้านหนึ่งนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี นักวิทยาศาสตร์ระดับสูงของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในวันอังคาร (7 ธ.ค.) เน้นย้ำว่าแม้ยังอาจต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์สำหรับประเมินความรุนแรงของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน แต่สิ่งบ่งชี้ในเบื้องต้นพบว่ามันไม่ได้เลวร้ายกว่าตัวกลายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้านี้ และมีความเป็นไปได้ที่จะก่ออาการเบากว่าด้วย

หัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกกับเอเอฟพีว่าการตรวจสอบในสิ่งที่รู้และไม่รู้เกี่ยวกับโอมิคอนถูกแบ่งออกเป็น 3 ขอบเขต ได้แก่ "ระดับของการแพร่กระจายเชื้อ ความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อก่อนหน้านี้และวัคซีน รวมไปถึงระดับความรุนแรงของอาการเจ็บป่วย"

"ตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ชัดเจนว่าแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก ดูเหมือนจะง่ายกว่าเดลตา สายพันธุ์ที่ครองโลกในปัจจุบัน" เฟาซีกล่าว พร้อมระบุว่า จากข้อมูลด้านระบาดวิทยาที่รวบรวมจากทั่วโลก ยังบ่งชี้ด้วยว่าโอมิครอนมีโอกาสก่อให้เกิดการติดเชื้อซ้ำสูงกว่าตัวกลายพันธุ์ก่อนๆ

เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า ผลการทดลองในห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับการทดสอบความแรงของแอนติบอดีจากวัคซีนในปัจจุบันกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน น่าจะออกมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หรือไม่ก็ราวๆ 1 สัปดาห์

ส่วนคำถามเกี่ยวกับความรุนแรง เฟาซี ตอบว่า "เกือบจะแน่นอน มันไม่รุนแรงมากไปกว่าเดลตา"

(ที่มา : เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น