นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุมีความเป็นไปได้ที่ "โอไมครอน" ตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ จะอยู่ในอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมเน้นมันเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลเพราะมีการกลายพันธุ์จำนวนมาก
แม้ยังไม่พบเคสผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันตัวกลายพันธุ์ใหม่ "โอไมครอน" ในสหรัฐฯ แต่ เฟาซี ระบุว่า "เขาจะไม่ประหลาดใจเลย" หากว่า "โอไมครอน" เดินทางเข้าสู่อเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สืบเนื่องจากระดับของการแพร่เชื้อและกรณีพบเห็นเคสผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางในอิสราเอล เบลเยียมและที่อื่นๆไปก่อนหน้านี้ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯบอกกับรายการ "วีคเอ็นทูเดย์" เมื่อวันเสาร์(27พ.ย.)
เฟาซีระบุต่อว่าตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้กำลังน่ากังวล เพราะว่ามันมีการกลายพันธุ์จำนวนมาก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ไวรัสสายพันธุ์นี้แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าตัวกลายพันธุ์อื่นๆ
"เรายังไม่รู้แน่ชัด แต่เราจำเป็นต้องสันนิษฐานไว้ในกรณีนี้" เขากล่าว พร้อมระบุว่าการกลายพันธุ์จำนวนมากยังสามารถบ่งชี้ได้ว่าตัวกลายพันธุ์ใหม่ "อาจหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวิธีการรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็น"โมโนโคลนอลแอนติบอดีและรักษาด้วยพลาสมาของผู้ที่ฟื้นจากโรค(Convalescent Plasma)เช่นเดียวกับวัคซีนโควิด-19
"มันอาจเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน แต่มีสิ่งบ่งชี้ที่เพียงพอ" เฟาซีกล่าว "มันเป็นบางอย่างที่เราต้องให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดอย่างแท้จริง และเตรียมพร้อมสำหรับบางอย่างที่ร้ายแรง มันอาจไม่เป็นเช่นนั้น แต่คุณจำเป็นต้องนำหน้ามันก่อนเสมอ"
ความเห็นของเฟาซีมีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯเตรียมกำหนดข้อจำกัดสำหรับนักเดินทางจากแอฟริกาใต้ บอตสวานา ซิมบับเว นามิเบีย เลโซโท เอสวาตีนี โมซัมบิกและมาลาวี เริ่มตั้งแต่วันจันทร์(29พ.ย.) เป็นต้นไป
เฟาซีระบุว่าข้อจำกัดด้านการเดินทางเป็นเพียวตัวช่วยเดียวที่จะมอบเวลาแก่สหรัฐฯเพิ่มเติม เพื่อประเมินสถานการณ์ได้ดีขึ้น และตอบสนองอย่างเหมาะสม
ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ด้วยเช่นกัน เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องดึงคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนให้เข้ารับวัคซีน และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่ประชาชน รวมถึงสวมหน้ากากยามอยู่ในสถานที่ชุมนุมชนในร่ม
(ที่มา:เอ็นบีซีนิวส์)