สภาล่างอเมริกาอนุมัติร่าง กม.งบประมาณกลาโหม ครอบคลุมอัดฉีดกองทัพยูเครน-หนุนปกป้องไต้หวัน

สภาผู้แทนสหรัฐฯ ร่วมต้านอิทธิพลจีน-รัสเซีย อนุมัติร่างกฎหมายกลาโหมประจำปี ครอบคลุมการเสนอเงินช่วยเหลือกองทัพยูเครน 300 ล้านดอลลาร์ และแถลงสนับสนุนการปกป้องไต้หวัน

ร่างกฎหมายงบประมาณกลาโหมแห่งชาติ (เอ็นดีเอเอ) ประจำปีงบประมาณฉบับนี้ อนุมัติยอดงบประมาณรวม 770,000 ล้านดอลลาร์สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการทหาร มากกว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ร้องขอ 25,000 ล้านดอลลาร์ และมากกว่างบประมาณปีที่แล้วราว 5%

ร่างกฎหมายฉบับนี้ที่เป็นผลจากการเจรจาเข้มข้นระหว่างฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร กับสมาชิกเดโมแครตและรีพับลิกันในวุฒิสภา ครอบคลุมการเพิ่มงบประมาณสำหรับกองทัพ 2.7% และการสั่งซื้อเครื่องบินและเรือรบเพิ่ม รวมทั้งยุทธศาสตร์ในการรับมือภัยคุกคามด้านภูมิรัฐศาสตร์

เอ็นดีเอเอได้รับความเห็นชอบอย่างท่วมท้นโดยไม่แบ่งแยกพรรค และสภาล่างสนับสนุนมาตรการประนีประนอมด้วยคะแนนเสียง 360-70 เมื่อคืนวันอังคาร (7 ธ.ค.)

ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากอุตสาหกรรมกลาโหมและกลุ่มผลประโยชน์อื่นๆ เนื่องจากมีขอบข่ายกว้างขวาง อีกทั้งยังเป็นกฎหมายสำคัญเพียงไม่กี่ฉบับที่มีการพิจารณาอนุมัติเป็นประจำทุกปี

สำหรับปีนี้ สภาล่างผ่านร่างกฎหมายเอ็นดีเอเอหลังจากไบเดนประชุมสุดยอดเสมือนกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับยูเครนและข้อพิพาทอื่นๆ ไม่กี่ชั่วโมง

เอ็นดีเอเอฉบับปี 2022 ครอบคลุมแผนการริเริ่มเพื่อช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครนมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์, แผนการริเริ่มด้านกลาโหมในยุโรป 4,000 ล้านดอลลาร์ และ 150 ล้านดอลลาร์สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคงในแถบบอลติก

อย่างไรก็ดี กฎหมายฉบับนี้ไม่มีญัตติที่บังคับสหรัฐฯ ใช้มาตรการแซงก์ชันกับโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาตินอร์ดสตรีม 2 จากรัสเซียไปยังเยอรมนี อีกทั้งยังละเว้นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่จะห้ามไม่ให้นักลงทุนและภาคเอกชนของอเมริกาซื้อพันธบัตรรัฐบาลรัสเซีย

ทั้งนี้ เดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งในสภาล่างและสภาสูง และทำเนียบขาวออกตัวว่า จะสนับสนุนมาตรการแซงก์ชันหากรัสเซียบุกยูเครน แต่ไม่รวมถึงข้อเสนอที่อาจบ่อนทำลายความสัมพันธ์ในภาคพื้นแอตแลนติก

เกี่ยวกับจีนนั้น เอ็นดีเอเอครอบคลุมแผนการริเริ่มเพื่อป้องปรามในแปซิฟิกมูลค่า 7,100 ล้านดอลลาร์ และมีการออกคำแถลงสนับสนุนการปกป้องไต้หวัน ตลอดจนถึงการห้ามกระทรวงกลาโหมจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใช้แรงงานบังคับในเขตซินเจียงของจีน

วอชิงตันกล่าวหาว่า การปฏิบัติของจีนต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในซินเจียงถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และสมาชิกรัฐสภาพยายามผลักดันการห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ใช้แรงงานบังคับในซินเจียง ขณะที่จีนปฏิเสธว่า ข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เป็นการใส่ร้ายของอเมริกา

อนึ่ง แม้ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เอ็นดีเอเอยังต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาและได้รับการลงนามโดยโบเดนเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย

(ที่มา : รอยเตอร์)