กองกำลังความมั่นคงซูดานยิงผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารเสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย และบาดเจ็บอีกหลายสิบคนในวันพุธ (17 พ.ย.) ถือเป็นวันที่นองเลือดที่สุดนับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม
จำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุด ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกรุงคาร์ทูม โดยเฉพาะในเขตต่างๆ ทางเหนือของเมืองหลวง ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมจากเหตุความไม่สงบนับตั้้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจ เพิ่มเป็น 39 ราย จากการเปิดเผยของสหภาพแพทย์ของฝ่ายฝักใฝ่ประชาธิปไตย นอกจากนี้แล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวมแล้วอีกหลายร้อยคน
สมาคมวิชาชีพซูดาน (Sudanese Professionals Association) หนึ่งในแกนนำของการชุมนุมระบุว่า "การสังหารหมู่ในวันนี้ ยิ่งแต่เสริมพลังแก่สโลแกนของเราที่ว่า ไม่มีการเจรจา ไม่มีการจับมือกัน ไม่มีการประนีประนอมกับทหาร"
พวกผู้ประท้วงไหลบ่าสู่ท้องถนนสายต่างๆ ของเมืองหลวง แม้บริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเกิดปัญหาติดขัดมาตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจ "ประชาชนเลือกระบอบการปกครองด้วยพลเรือน" บรรดาผู้ชุมนุมตะโกน
ผู้ชุมนุมซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวพากันปรบมือและส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนสถานการณ์จะเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เกิดการปะทะระหว่างผู้ประท้วงและกองกำลังด้านความมั่นคง และสมาชิกกองกำลังด้านความมั่นคงได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ใช้กระสุนจริงในการสลายการชุมนุม และสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐแถลงว่า ทางการจะมีการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สหภาพแพทย์ระบุผูุ้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีบาดแผลกระสุนปืนบริเวณศีรษะ ลำคอ และลำตัว แต่ยืนกรานว่าพวกผู้ชุมนุมซึ่งหลบหาที่กำบังหลังแนวกั้นชั่วคราว จะยังคงเดินหน้าประท้วงต่อไป
นอกจากในกรุงคาร์ทูมแล้ว ยังมีการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่เมืองพอร์ทซูดานเช่นกัน ในขณะที่ปฏิบัติการยึดอำนาจของกองทัพทำให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย ตามหลังการล่มสลายของจอมเผด็จการโอมาร์ อัล-บาชีร์ ในปี 2019 มีอันต้องสะดุดลง
กองทัพใช้ความพยายามต่างๆ ในการสกัดการประท้วงซึ่งพบเห็นผูู้ชุมนุมถูุกจับกุมไปแล้วหลายร้อยคน ในนั้นรวมถึงนักเคลื่อนไหว ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาและพวกผู้สื่อข่าว ในนั้นรวมถึงหัวหน้าสำนักข่าวอัลจาซีรา ที่ถูกควบคุมตัวเมื่อวันอาทิตย์ (14 พ.ย.) ก่อนได้รับการปล่อยตัวในวันอังคาร (16 พ.ย.)
คณะกรรมการกลางแพทย์ซูดาน (Central Committee of Sudanese Doctors) เผยว่า กองกำลังด้านความมั่นคงยังได้บุกจับกุมประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนภายในโรงพยาบาลต่างๆ ในกรุงคาร์ทูม
สมาคมวิชาชีพซูดานประณามกองทัพก่ออาชญากรรมเลวร้ายกับมนุษยชาติ และกล่าวหากองกำลังด้านความมั่นคง "ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับกองทัพซูดานว่า จะคืนเงินช่วยเหลือระหว่างประเทศที่จำเป็นอย่างยิ่งแก่ประเทศของพวกเขา หากว่ากองทัพคืนความชอบธรรมตามฎหมายแก่รัฐบาลพลเรือน
วอชิงตันระงับช่วยเหลือที่จะมอบให้แก่ซูดานราวๆ 700 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เกิดรัฐประหาร "ถ้ากองทัพนำรถไฟขบวนนี้กลับสู่รางของมัน ผมคิดว่าการสนับสนุนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งจากประชาคมนานาชาติจะกลับคืนมาเช่นกัน"
พล.อ.อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน หัวหน้าคณะรัฐประหารซูดาน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขับไล่รัฐบาลและควบคุมพวกผู้นำพลเรือน ทำกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่การปกครองโดยพลเรือนโดยสมบูรณ์ต้องสะดุดลง และเรียกเสียงประณามจากนานาชาติ อย่างไรก็ตาม เขายืนกรานว่าความเคลื่อนไหวของกองทัพ "ไม่ใช่รัฐประหาร"
กระนั้นก็ดี สมาชิกในคณะรัฐบาลจำนวนเล็กน้อยที่เหลืออยู่และยังคงเป็นอิสระ ยังคงเรียกตัวเองในฐานะ "รัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย" และปฏิเสธเจรจาต่อรองกับพวกผู้นำของกองทัพ
ในขณะที่บรรดาผู้นำพลเรือนบางส่วนได้รับการปล่อยตัวแล้วนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจ แต่ยังคงมีรายใหม่ๆ ถูกจับกุมเช่นกัน
บูร์ฮาน สัญญาว่าศึกเลือกตั้งจะเดินหน้าตามแผนในปี 2023 และย้ำกับสหรัฐฯ ในวันอังคาร (16 พ.ย.) ว่าความเคลื่อนไหวต่างๆ ของเขามีเป้าหมายคือทำให้วิถีแห่งการปฏิวัติอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง
(ที่มา : เอเอฟพี)