xs
xsm
sm
md
lg

ญัตติทบทวนประวัติศาสตร์ที่เสนอโดย‘สี จิ้นผิง’ มุ่งย้ำทิศทางพัฒนาในอนาคตของจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: เจฟฟ์ เปา


บรรยากาศการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 6 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยที่มีคณะกรรมการกรมการเมืองทำหน้าที่เป็นคณะประธานของที่ประชุม  การประชุมคราวนี้จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งระหว่างวันที่ 8-11 พฤศจิกายนนี้ (ภาพจากสำนักข่าวซินหัว)
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Xi’s historical resolution looks forward not back
By JEFF PAO
12/11/2021

ทั้งน้ำเสียงและสาระของญัตติทบทวนประวัติศาสตร์พรรคครั้งที่ 3 ซึ่งผ่านออกมาจากการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ดูอ่อนลงกว่าที่คาดหมายกันไว้ ขณะที่ความคิดเห็นของพวกผู้นำภาคธุรกิจดูเหมือนมีส่วนในการผ่อนเพลาความเข้มข้นของร่างญัตติฉบับแรกๆ

เหล่าผู้นำคอมมิวนิสต์ของจีน ลงมติผ่าน “ญัตติทบทวนความสำเร็จและประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ฉบับที่ 3” อย่างที่คาดการณ์กันโดยทั่วไป เป็นการก้าวเดินตามรอยเท้าที่ 2 ผู้นำทรงอิทธิพลยิ่งในอดีต คือ เหมา เจ๋อตง และ เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เคยกระทำมา ทว่าสำหรับคราวนี้ คำประกาศอย่างยิ่งใหญ่ดูมุ่งไปที่การสร้างความมั่นคงให้แก่อนาคตของจีนภายใต้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มากกว่าเรื่องการตีความสรุปบทเรียนของสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตกันเสียใหม่

ญัตติฉบับนี้อนุมัติรับรองกันในวันพฤหัสบดี (11 พ.ย.) โดยที่ประชุมเต็มคณะครั้งที่ 6 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ข้อความเต็มๆ ของญัตติยังไม่มีการเผยแพร่ออกมาสู่สาธารณชน แต่โฆษกของการประชุมได้สรุปเนื้อหาให้ทราบกันในการแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ (12 พ.ย.)

น่าสนใจยิ่งที่โฆษกผู้นี้ดูเหมือนพยายามลดความสำคัญของการขับเคลื่อนครั้งใหม่ในเรื่อง “ความมั่งคั่งร่วมกัน” (common prosperity) ของสี โดยบอกว่ามันไม่มีทางลัดใดๆ หรอกสำหรับการที่ประชาชนจีนจะกลายเป็นผู้มั่งคั่งร่ำรวยขึ้นมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่หลายรายซึ่งร่วมในการแถลงข่าวก็พูดย้ำว่า ถ้าพวกบริษัทเอกชนจะเข้าร่วมแสดงบทบาทในทางการกุศลใดๆ แล้ว ก็พึงกระทำในกรณีที่พวกเขาสามารถทำได้และเต็มใจที่จะทำเท่านั้น

คำแถลงเหล่านี้ใช่หรือไม่ว่า มีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาข่าวลือที่แพร่ไปอย่างหนาหูว่าจีนกำลังหันเหเบี่ยงเบนออกจากเส้นทางการสร้างเศรษฐกิจแบบนายทุนที่ประสบความสำเร็จในระยะไม่กี่สิบปีหลังๆ มานี้ของตน? นี่เป็นสิ่งที่จะต้องเฝ้าติดตามกันต่อไป สำหรับในการแถลงสรุปเมื่อวันศุกร์ (12) พวกเจ้าหน้าที่พากันกล่าวโจมตีระบบประชาธิปไตยแบบตะวันตกว่า เป็น “เกมของคนรวย” ขณะเดียวกันก็บอกว่า จีนจำเป็นที่จะต้อง “ทั้งสร้างก้อนขนมเค้กให้มีขนาดใหญ่โตยิ่งขึ้น และทั้งตัดแบ่งจัดสรรแก่ผู้คนฝ่ายต่างๆ ให้ดีกว่าเดิม”

พวกเขากล่าวว่า จีนจำเป็นที่จะต้อง “ต่อสู้กับการผูกขาด และกับการขยายตัวอย่างไม่เป็นระเบียบของทุน” เวลาเดียวกันนั้นก็จะต้อง “สร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมั่งคั่งร่ำรวยขึ้นมาโดยผ่านความเป็นเถ้าแก่ความเป็นผู้ประกอบการ”

สี เคลื่อนไหวผลักดันให้ผ่านญัตติทบทวนประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นครั้งที่ 3 ครั้งนี้ ก็เพื่อให้มีการสรุปออกมาอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความสำเร็จต่างๆ ของพรรคในวาระครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งในปีนี้ ขณะเดียวกันก็เพื่อให้ระบุออกมาอย่างชัดเจนถึงแนวทางวิธีการที่เขาจะทำให้จีนมีอำนาจเข้มแข็งยิ่งขึ้นอีกในอนาคต

ญัตติทบทวนประวัติศาสตร์ของพรรค 2 ครั้งแรกซึ่งผ่านออกมาเมื่อปี 1945 และปี 1981 ตามลำดับ ภายใต้ผู้นำทรงอำนาจสูงสุดอย่าง เหมา เจ๋อตง และ เติ้ง เสี่ยวผิง ได้ประกาศเอาไว้ว่า ต้องการทำให้จีน “ลุกยืนขึ้นมา” และ ทำให้จีน “มั่งคั่งร่ำรวย”

โดยเฉพาะในญัตติทบทวนประวัติศาสตร์ครั้งที่ 2 เติ้ง ได้วิพากษ์วิจารณ์ เหมา สำหรับการริเริ่มก่อการปฏิวัติทางวัฒนธรรม (Cultural Revolution) ขึ้นมาในช่วงระหว่างปี 1966 ถึงปี 1976 ซึ่งกล่าวกันว่ามีผู้ถูกสังหารไปเป็นล้านๆ คนในความรุนแรงทางอุดมการณ์อย่างบ้าคลั่งสับสนวุ่นวาย

ก่อนหน้าญัตติฉบับล่าสุดจะผ่านออกมา มีผู้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านสื่อ (คอมเมนเตเตอร์) บางราย คาดการณ์กันว่า สี จะใช้โอกาสนี้เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงกอบกู้ฐานะของการปฏิวัติทางวัฒนธรรม รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ เติ้ง สำหรับการอำนวยความสะดวกให้เกิดช่องว่างด้านความมั่งคั่งร่ำรวยขึ้นมาในชาติสืบเนื่องจากการสร้างเศรษฐกิจในแนวทางทุนนิยม และส่งเสริมสนับสนุนแรงขับเคลื่อนเรื่อง “ความมั่งคั่งร่วมกัน” ของเขา ซึ่งมีบางคนตั้งฉายาให้ว่ามันจะเป็น “การวัฒนธรรมทางวัฒนธรรมเวอร์ชั่น 2.0”

อย่างไรก็ตาม ญัตติฉบับสรุปย่อที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันศุกร์ (12) แสดงให้เห็นว่า มันละเลยไม่กล่าวถึงเหตุการณ์โกลาหลปั่นป่วนและก่อให้เกิดการขัดแย้งโต้เถียงกันในประวัติศาสตร์ยุคใกล้ของจีนไปหลายๆ เหตุการณ์ รวมทั้งการปฏิวัติทางวัฒนธรรม และการสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน แต่มุ่งโฟกัสเน้นหนักที่การยกย่องสรรเสริญ “ความคิดของ สี ว่าด้วยสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีนสำหรับยุคใหม่” (Xi’s Thought on Socialism with Chinese Characteristics for a New Era)
(ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับญัตติฉบับสรุปย่อนี้ได้ที่ http://www.news.cn/politics/2021-11/11/c_1128055386.htm)

หวัง เสี่ยวฮุ่ย (Wang Xiaohui) รองรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร (executive vice-minister) ของทบวงประชาสัมพันธ์ (publicity department) ของพรรค กล่าวในการแถลงสรุปแก่สื่อมวลชนเมื่อวันศุกร์ (12) ว่า มุมมองต่างๆ และข้อสรุปต่างๆ ของญัตติทบทวนประวัติศาสตร์พรรคในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 นั้น ยังคงมีผลและใช้การได้

เจ้าหน้าที่ผู้นี้บอกว่า งานของพรรคประสบกับปัญหาบางประการ ตั้งแต่ที่ประเทศเริ่มต้นการปฏิรูปและการเปิดกว้างในช่วงทศวรรษ 1980 ทว่ามองกันโดยภาพรวมแล้วจีนยังคงเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง และสร้างผลสำเร็จต่างๆ ที่ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก

หวังกล่าวว่า ยุทธศาสตร์แห่งการปฏิรูปและการเปิดกว้าง ได้เติมเต็มความต้องการต่างๆ ของจีน และ “ช่วยให้ทั่วทั้งพรรคได้มาซึ่งสติปัญญา, เพิ่มพูนความสามัคคี, มีความมั่นอกมั่นใจสูงขึ้น, และมีขวัญกำลังใจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

เจ้าหน้าที่ผู้นี้พูดอีกว่า ญัตติทบทวนประวัติศาสตร์ฉบับที่ 3 นี้ ไม่ได้โฟกัสเน้นหนักเรื่องผลสำเร็จและประสบการณ์ต่างๆ ของการปฏิรูปและการเปิดกว้าง เนื่องจากได้มีการสรุปเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ไปแล้วในเอกสารฉบับก่อนๆ ที่ออกมาในปี 1998, 2008, และ 2018

ตรงกันข้าม ญัตติฉบับล่าสุดนี้มุ่งโฟกัสไปที่ว่า สี ได้นำเอาเรื่องการสร้างสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีนมาใช้ปฏิบัติอย่างไรบ้าง นับแต่สมัชชาพรรค (Party Congress –การประชุมผู้แทนพรรคทั่วประเทศ ซึ่งปกติจัดกันทุกๆ 5 ปี) ครั้งที่ 18 เมื่อปี 2012 เป็นต้นมา หวังบอก พร้อมกับย้ำว่า แนวทางวิธีการเช่นนี้จะช่วยให้ทั่วทั้งพรรคและประชาชนจีนทั้งมวลมีความมั่นอกมั่นใจอย่างแข็งขันยิ่งขึ้น เน้นหนักสนใจที่การงานในปัจจุบันของพวกเขา และเดินหน้าไปในยุคใหม่ด้วยความภาคภูมิใจ

ทางด้าน หาน เหวินซิ่ว (Han Wenxiu) รองผู้อำนวยการ (deputy director) ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการเศรษฐกิจและการเงินส่วนกลาง (Office of the Central Economic and Financial Affairs Commission) ของพรรค กล่าวในการแถลงว่า สี ได้ชี้ให้เห็นว่าจีนจำเป็นต้องผลักดันเดินหน้าไปสู่ความมั่งคั่งร่วมกัน โดยผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจแบบมีคุณภาพสูง

เขาบอกว่า ในการเดินหน้าไปให้ถึงความมั่งคั่งร่วมกัน เรื่องการแก้ไขปัญหาควรที่จะเป็นเรื่องสำคัญลำดับสูงสุด เขากล่าวด้วยว่าเรื่องการกระจายความมั่งคั่งร่ำรวยกันเสียใหม่ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เรื่องความมั่งคั่งร่วมกันกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ หานบอกว่า การบริจาคเพื่อการกุศล ควรต้องให้เป็นเรื่องความสมัครใจ ขณะที่ไม่ควรส่งเสริมสนับสนุน “การบริจาคด้วยการบังคับ” ตลอดจน “การเข่นฆ่าคนรวยเพื่อช่วยเหลือคนจน”

เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวอีกว่า ถึงแม้เวลานี้ จีดีพีต่อหัวของจีนอยู่ในระดับเกินขีด 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ถึงระดับของพวกประเทศรายได้สูงทั้งหลาย เขาบอกว่า แม้กระทั่งเมื่อนำเอารายได้ของประชาชนจีนทุกๆ คนมาจัดสรรแบ่งปันให้ประชากรอย่างเท่าเทียมกัน มันก็จะยังคงไม่สามารถบรรลุถึงความมั่งคั่งร่วมกันอยู่นั่นเอง

หาน กล่าวว่า ไม่มีทางลัดในการบรรลุความมั่งคั่งร่วมกัน เรื่องนี้จะบรรลุถึงได้ก็ต้องด้วยการทำงานหนักของประชาชนจีนทั้ง 1,400 ล้านคน เขาย้ำว่าพวกบริษัทเอกชนนั้นควรที่จะทำธุรกิจของพวกเขาต่อไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและอย่างมีศีลธรรม รวมทั้งปฏิบัติต่อลูกจ้างพนักงานของพวกเขาและลูกค้าของพวกเขาให้ดี และเข้าร่วมมีส่วนในเรื่องการกุศลเฉพาะเมื่อพวกเขามีความสามารถที่จะทำ และมีความเต็มใจที่จะทำเท่านั้น

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม สี กล่าวในการประชุมของคณะกรรมการกิจการเศรษฐกิจและการเงินส่วนกลางของพรรคว่า จีนควรที่จะส่งเสริมสนับสนุนความมั่งคั่งร่วมกัน และลดช่องว่างด้านความมั่งคั่งร่ำรวย การประชุมครั้งนั้นยังเรียกร้องให้ปรับปรุงยกระดับเรื่องการศึกษา, “การจัดสรรแบ่งปันแบบที่ 3” (third distribution) ซึ่งหมายถึงระบบการบริจาคเพื่อการกุศลต่างๆ, และการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่จะอำนวยโอกาสให้ประชาชนจำนวนมากขึ้นสามารถมั่งคั่งร่ำรวยขึ้นมาได้

ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ปีที่แล้ว รัฐบาลส่วนกลางได้บังคับใช้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับใหม่ๆ เพื่อกำราบปราบปรามพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขันในหมู่บริษัทอินเทอร์เน็ตขนาดยักษ์ ซึ่งก็รวมถึง อาลีบาบา และ เทนเซนต์ ด้วย แล้วเพื่อขานรับการเรียกร้องของ สี ในเรื่องความมั่งคั่งร่วมกัน อาลีบาบา, เทนเซนต์, และพวกบริษัทร่ำรวยเงินสดของจีนจำนวนมาก ได้ประกาศแผนการบริจาคเพื่อการกุศล มีนักลงทุนรู้สึกหวาดกลัวว่า ถ้าหาก “การบริจาค” เหล่านี้อยู่ในลักษณะถูกบีบบังคับให้ทำแล้ว ก็อาจจะสร้างความเสียหายแก่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเหล่านี้

อู่ เฉียง (Wu Qiang) อดีตอาจารย์ของภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิ้งหัว (Tsinghua University) กล่าวให้ความเห็นว่า ญัตติทบทวนประวัติศาสตร์ครั้งที่ 3 นี้ มีแต่การยืนยันความสำเร็จต่างๆ ของพรรค ทว่าไม่ได้มีการหวนรำลึกทบทวนตัวเองใดๆ ในเรื่องเกี่ยวกับความพลาดพลั้ง, ประสบการณ์, และความล้มเหลวในอดีตของตน

เขาบอกว่า ญัตติ 2 ฉบับแรกนั้น มีการระบุว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้กับพวกซ้ายจัด และพวกขวาจัด แต่สำหรับญัตติทบทวนประวัติศาสตร์ฉบับที่ 3 ไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นใหม่ๆ ใดๆ เขาจึงเห็นว่าเอกสารฉบับล่าสุดนี้มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อที่จะจัดเตรียมรากฐานทางทฤษฎีให้แก่ สี ในการขยายเวลาดำรงตำแหน่งของเขาออกไปเท่านั้น

ด้าน จอห์นนี เลา (Johnny Lau) นักให้ความเห็นทางด้านการเมืองผ่านสื่อ ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่ฮ่องกง บอกว่า ญัตติทบทวนประวัติศาสตร์ฉบับที่ 3 นี้ ออกมาเพียงเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่ฐานะความเป็นผู้นำของ สี ตลอดจนผลงานที่จะเป็นมรดกตกทอดต่อไปของเขา รวมทั้งเปิดทางให้ สี สามารถขยายเวลาดำรงตำแหน่งของเขาไปอีกสมัยนั่นคือ 5 ปี ณ สมัชชาพรรคครั้งที่ 20 ซึ่งจะจัดขึ้นในปีหน้า

เลา อ้างอิงเอกสารแถลงข่าวสื่อมวลชนของการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 6 นี้ และกล่าวว่า สี จะยังคงมีฐานะเป็นแกนกลางของพรรคต่อไป และเป็นผู้บริหารจัดการกับกิจการภายในประเทศและกิจการระหว่างประเทศของจีน

เมื่อวันศุกร์ (12) พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังได้เปิดเผยให้ทราบว่า ญัตติทบทวนประวัติศาสตร์ครั้งที่ 3 นี้มีกระบวนการในการจัดทำอย่างไร โดยระบุว่า ในเดือนเมษายน สี ได้ขอให้ทบวงงานแนวร่วม (United Front Work Department) ของพรรค ขอความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ และความเห็นกับทัศนะเหล่านี้ก็ถูกนำมาบรรจุไว้ในร่างเบื้องต้นของญัตตินี้ด้วย
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mod.gov.cn/big5/shouye/2021-11/12/content_4898782.htm#:~:text=%E4%B8%AD%E5%85%B1%E4%B8%AD%E5%A4%AE9%E6%9C%8810,%E4%BB%A3%E8%A1%A8%E7%9A%84%E6%84%8F%E8%A6%8B%E5%92%8C%E5%BB%BA%E8%AD%B0%E3%80%82&text=%E7%BF%92%E8%BF%91%E5%B9%B3%E5%BC%B7%E8%AA%BF%EF%BC%8C%E4%BB%8A%E5%B9%B4%E6%98%AF%E4%B8%AD%E5%9C%8B,%E6%B0%91%E6%97%8F%E5%81%89%E5%A4%A7%E5%BE%A9%E8%88%88%E9%97%9C%E9%8D%B5%E6%99%82%E6%9C%9F%E3%80%82)

ในวันที่ 10 กันยายน สี ได้จัดเวทีประชุมเพื่อหารือกับผู้ที่มิได้เป็นสมาชิกพรรค โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นคนจากภาคธุรกิจ การประชุมนี้กระทำกันในปักกิ่ง เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับร่างญัตติฉบับนี้

ในวันที่ 18 ตุลาคม การประชุมของคณะกรรมการกรมการเมือง (politburo) แห่งคณะกรรมการกลางพรรค ซึ่งมี สี เป็นประธาน ได้อภิปรายกันเกี่ยวกับร่างญัตติ และมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางประการ จากนั้น คณะกรรมการกรมการเมืองได้ยื่นเสนอร่างสุดท้ายให้ที่ประชุมเต็มคณะพิจารณา ทั้งนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอะไรที่ถูกแก้ไขหรือถูกตัดออกไปจากร่างญัตติฉบับเบื้องต้นบ้าง
(ดูเพิ่มเติมการประชุมของคณะกรรมการกรมการเมือง ได้ที่ http://www.gov.cn/xinwen/2021-10/18/content_5643328.htm)


กำลังโหลดความคิดเห็น