สิงคโปร์หวั่นระบบสาธารณสุขมีความเสี่ยงสูงที่จะรับมือไม่ไหว ขณะจำนวนผู้ติดเชื้อในกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนยังคงพุ่งสูง และเริ่มเปิดประเทศให้นักเดินทางฉีดวัคซีนครบจากหลายชาติ ด้านสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้วัคซีนของโมเดอร์นาและของเจแอนด์เจ เป็นเข็มกระตุ้นสู้โควิด พร้อมกับเปิดทางประชาชนเลือกฉีดวัคซีนสูตรไขว้
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์รายงานในวันพุธ (20 ต.ค.) ว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 18 คน ถือเป็นสถิติรายวันสูงที่สุดของสิงคโปร์ ขณะที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,862 คน ลดลงเล็กน้อยจากวันอังคาร (19) ซึ่งอยู่ที่ 3,994 คน และเป็นการทำสถิติสูงสุดในเรื่องนี้
ลอว์เรนซ์ หว่อง ประธานร่วมของทีมเฉพาะกิจสู้โควิด-19 กล่าววันพุธว่า ระบบสาธารณสุขสิงคโปร์กำลังเผชิญความเสี่ยงสูงที่จะรับมือไม่ไหว โดยขณะนี้เตียงสำหรับผู้กักตัวในโรงพยาบาลเต็มแล้วเกือบ 90% ส่วนเตียงในแผนกผู้ป่วยวิกฤต (ไอซียู) ก็มีผู้ครองเตียงกว่า 2 ใน 3
การแสดงความคิดเห็นของหว่องที่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีคลังด้วย มีขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคาร รัฐบาลเพิ่งขยายการอนุญาตให้นักเดินทางต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว สามารถเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัว จากเดิม 2 ชาติ คือ เยอรมนี และบรูไน โดยคราวนี้เพิ่มอีก 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงนักเดินทางจากอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส อันเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนแนวทางรับมือวิกฤตโรคระบาดจากการปิดประเทศและล็อกดาวน์ มาเป็นยุทธศาสตร์การอยู่ร่วมกับโควิด
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์เวลานี้ส่วนใหญ่แล้วมีอาการเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการและพักรักษาตัวที่บ้าน เพื่อให้โรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยโควิดอาการหนักได้อย่างเต็มที่
ด้าน ออง เยคุง รัฐมนตรีสาธารณสุขและประธานร่วมอีกผู้หนึ่งของทีมเฉพาะกิจสู้โควิด เสริมว่า ผู้ติดเชื้อในกลุ่มประชากรอายุ 60 ปีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนนั้นยังคงมีจำนวนสูง โดยคิดเป็น 2 ใน 3 ของผู้ป่วยที่ต้องเข้าไอซียูและของผู้ป่วยที่เสียชีวิต
ทั้งนี้ สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อโควิดสะสมจนถึงล่าสุด จำนวนกว่า 158,000 คน และเสียชีวิต 264 คน
ทางด้านอเมริกา จากคำแถลงของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ในวันพุธ เท่ากับว่าวัคซีนทั้ง 3 ตัวที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในสหรัฐฯ อยู่แล้ว สามารถนำมาฉีดเป็นเข็มกระตุ้นได้
เจเน็ต วูดค็อก กรรมาธิการเอฟดีเอแถลงว่า ความพร้อมของวัคซีนกระตุ้นที่ได้รับอนุมัติเหล่านี้มีความสำคัญต่อการป้องกันโควิด-19 และเสริมว่าข้อมูลที่มีบ่งชี้ว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปสำหรับบางคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
การตัดสินใจของเอฟดีเอปูทางให้ประชาชนนับล้านในอเมริกายกระดับการป้องกัน ขณะที่ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดง่ายส่งให้ยอดติดเชื้อพุ่งขึ้นในหมู่ผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วบางส่วน
ก่อนหน้านี้ เอฟดีเออนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคเป็นวัคซีนกระตุ้นสำหรับกลุ่มประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มที่เสี่ยงติดเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ฉีดวัคซีนครบโดสมาอย่างน้อย 6 เดือน
เอฟดีเอและศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของอเมริกา (ซีดีซี) ยังถูกกดดันให้อนุญาตการฉีดวัคซีนกระตุ้น หลังจากทำเนียบขาวประกาศแผนนี้ในเดือนสิงหาคม
สำหรับเรื่องการฉีดวัคซีนไขว้แบรนด์กัน การประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาของเอฟดีเอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการนำเสนอข้อมูลการฉีดวัคซีนไขว้จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งในการทดสอบนั้นอาสาสมัคร 458 คนได้รับวัคซีนไขว้จากไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (เจแอนด์เจ)
ผลการทดสอบพบว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนเจแอนด์เจเป็นเข็มแรกและฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์หรือโมเดอร์นามีภูมิคุ้มกันโควิดสูงขึ้น และวัคซีนไขว้ปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เอฟดีเอระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าควรใช้วัคซีนไขว้สูตรใด
ส่วนที่อินเดีย ในวันพฤหัสบดี (21) รัฐบาลจัดเฉลิมฉลองหลักหมายในการฉีดวัคซีนโควิดครบ 1,000 ล้านโดส ด้วยการเปิดเพลงและวิดีโอให้ประชาชนรับชมทั่วประเทศ ขณะที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ ทวิตว่า อินเดียกำลังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ และประสบชัยชนะทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ ธุรกิจ และจิตวิญญาณที่มีร่วมกันของประชาชน 1,300 ล้านคน
หลังจากเริ่มต้นอย่างเชื่องช้าเมื่อกลางเดือนมกราคม ขณะนี้ 3 ใน 4 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ 944 ล้านคนฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส และ 31% ฉีดครบ 2 โดส โดยรัฐบาลมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชากรกลุ่มนี้ทั้งหมดภายในปีนี้
ทั้งนี้ วัคซีนเกือบ 90% ที่ฉีดในอินเดียมาจากสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียที่ผลิตวัคซีนภายใต้ใบอนุญาตจากแอสตร้าเซนเนก้า
อย่างไรก็ดี เมื่อวันอังคาร กระทรวงสาธารณสุขอินเดียแถลงว่า ประชาชนจำนวนมากไม่ยอมฉีดวัคซีนเข็ม 2 ตามกำหนดแม้มีวัคซีนเพียงพอก็ตาม
ขณะที่ชาวอินเดียอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 40 ของประชากรทั้งหมด ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนกันเลยแม้แต่เข็มเดียว
อินเดียรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสม 3.41 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 452,000 คน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระหว่างการระบาดระลอก 2 จากสายพันธุ์เดลตาในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม
การแพร่ระบาดที่รุนแรงในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ทำให้อินเดียมีผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 400,000 คน และมีผู้ป่วยโควิด-19 ล้มตายมากถึง 4,000 คนต่อวัน จนโรงพยาบาลและฌาปนสถานต่างๆ แทบจะรองรับจำนวนคนเจ็บตายไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม การระดมฉีดวัคซีนช่วยให้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในอินเดียเวลานี้เหลือไม่ถึง 20,000 คนต่อวัน และสามารถฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติได้
กระทรวงสาธารณสุขสำทับว่า แม้ขณะนี้จำนวนเคสใหม่ลดลงต่ำสุดนับจากช่วงต้นเดือนมีนาคม แต่ประชาชนควรรีบฉีดวัคซีนให้ครบโดยเร็ว เนื่องจากใกล้ถึงช่วงเทศกาลที่ครอบครัวจะกลับไปอยู่พร้อมหน้าและผู้คนออกไปจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงการระบาดระลอกใหม่
สำหรับสถิติการกระจายวัคซีน 1,000 ล้านโดสนั้น อินเดียเป็นรองเพียงแค่ “จีน” ซึ่งประกาศว่าได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประชาชนของตนไปแล้วมากกว่า 2,300 ล้านโดส
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)