สิงคโปร์เผย นักเดินทางต่างชาติแห่จองตั๋วเที่ยวบินกันคึกคัก หลังอนุญาตให้คนที่ฉีดวัคซีนครบโดสจาก 8 ประเทศ ไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันอังคาร (19 ต.ค.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นแค่วันเดียว อเมริกากลับออกคำแนะนำพลเมืองเลี่ยงเดินทางไปนครรัฐแห่งนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงในการติดไวรัสโคโรนา ถึงแม้ฉีดวัคซีนครบแล้วก็ตาม
มาตรการผ่อนคลายล่าสุดนี้ สิงคโปร์ได้ริเริ่มบังคับใช้กับนักเดินทางจากเยอรมนีและบรูไนตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว และตอนนี้ขยายให้ครอบคลุมนักเดินทางจากอเมริกา แคนาดา อังกฤษ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเนเธอร์แลนด์
สิงคโปร์ แอร์ไลนส์เผยว่า เที่ยวบินภายใต้โปรแกรมนี้มีกำหนดออกจากอัมสเตอร์ดัม ลอนดอน ลอสแองเจลิส และนิวยอร์กในวันอังคาร
สายการบินแห่งชาติของสิงคโปร์เสริมว่า ลูกค้าจองเที่ยวบิน “วัคซิเนต ทราเวล เลน” นี้กันล้นหลามในทุกชั้นที่นั่ง และจากทุกภาคส่วนทั้งที่ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อพักผ่อน ติดต่อธุรกิจ และการเดินทางของครอบครัว
นักเดินทางภายใต้โปรแกรมนี้ที่กำหนดจะขยายไปยังนักเดินทางจากเกาหลีใต้ด้วยตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายนนั้น จะไม่ต้องกักตัวหากแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดสและมีผลตรวจโควิดเป็นลบก่อนออกเดินทางและเมื่อไปถึง
สิงคโปร์ยังอนุญาตให้เด็กอายุไม่เกิน 12 ปีเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ฉีดวัคซีน แต่ต้องมาพร้อมผู้ที่บินมาภายใต้โครงการนี้
แรกเริ่มนั้นประเทศเกาะเล็กๆ ซึ่งเป็นศูนย์การเงินสำคัญของโลกแห่งนี้ ต่อสู้โควิด-19 ด้วยการปิดพรมแดน ล็อกดาวน์ในหลายระดับ และติดตามผู้สัมผัสโรคเชิงรุก แต่หลังจากที่ประชาชนกว่า 80% ฉีดวัคซีนครบโดส ทางการจึงหันมาโฟกัสกับการฟื้นเศรษฐกิจ ดังที่นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง กล่าวไว้เมื่อต้นเดือนตอนที่ประกาศเปลี่ยนมาใช้ยุทธศาสตร์ “อยู่ร่วมกับโควิด-19” ว่า สิงคโปร์ไม่สามารถล็อกดาวน์และปิดประเทศไม่มีกำหนด
สิงคโปร์เป็นที่ตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคของบรรษัทข้ามชาตินับพันแห่ง ซึ่งพึ่งพิงสถานะการเป็นฮับธุรกิจและการบินของสิงคโปร์ในการดำเนินงาน
ราจีฟ บิสวอส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเอเชีย-แปซิฟิกของไอเอชเอส มาร์กิต ชี้ว่า การเดินทางโดยอิงกับการฉีดวัคซีนเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการฟื้นบทบาทของสิงคโปร์ ในฐานะหนึ่งในฮับการเงินระหว่างประเทศ สำนักงานใหญ่ประจำเอเชีย-แปซิฟิก และการบินเชิงพาณิชย์
เขาสำทับว่า โครงการทราเวล เลนส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหราชอาณาจักร อเมริกา ฝรั่งเศส และเยอรมนี มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากบรรษัทนานาชาติมากมายมีฐานปฏิบัติการขนาดใหญ่ในสิงคโปร์
โครงการนี้ยังเป็นมาตรการกระตุ้นอย่างดีสำหรับอุตสาหกรรมสายการบินและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตโรคระบาด
ซ่ง เซ็งวุน นักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคของซีไอเอ็มบี ไพรเวต แบงกิ้ง ระบุว่า ก่อนโควิด การท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วน 5% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของสิงคโปร์ รองรับนักเดินทางเดือนละ 1.6 ล้านคน และเที่ยวบินวันละกว่าพันเที่ยว แต่ขณะนี้มีเที่ยวบินเข้าสู่สิงคโปร์วันละแค่กว่า 300 เที่ยวเท่านั้น
ขณะเดียวกัน สถิติของคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ระบุว่า จำนวนนักเดินทางต่างชาติที่ไปยังสิงคโปร์ปีที่แล้วมีไม่ถึง 2.8 ล้านคน เทียบกับสถิติสูงสุด 19.1 ล้านคนในปี 2019
อย่างไรก็ดี แผนการนี้ของสิงคโปร์ต้องเผชิญอุปสรรคใหญ่โดยไม่คาดคิด หลังจากเมื่อวันจันทร์ (18) ทั้งกระทรวงต่างประเทศและศูนย์เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกประกาศเตือนให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปนครรัฐแห่งนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะติดโควิด และทำให้ไวรัสตัวกลายพันธุ์ยิ่งแพร่ระบาด แม้ในหมู่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม
ซีดีซีปรับคำเตือนการเดินทางไปยังสิงคโปร์เป็นระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดและหมายถึง “มีการระบาดของโควิด-19 สูงมาก” และสำทับว่า ผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปสิงคโปร์ควรได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส ปฏิบัติตามคำแนะนำและข้อกำหนดในท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงการสวมหน้ากากและการปฏิบัติตามมาตราการเว้นระยะห่างทางสังคม
ซีดีซีบอกว่า จำแนกหมวดหมู่จุดหมายปลายทางโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดล่าสุดและแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่
ทั้งนี้ จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อ 70,374 คนในช่วง 28 วันที่ผ่านมา ขณะที่ประชากรกว่า 82% ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เทียบกับแค่ 57% ในอเมริกา ซึ่งมีผู้ติดเชื้อกว่า 2.8 ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกัน
ประเทศอื่นๆ ที่ถูกซีดีซีจัดอยู่ในระดับ 4 เช่นเดียวกับสิงคโปร์ยังรวมถึงบรูไน มาเลเซีย ไทย และสหราชอาณาจักร
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)