กองทัพเรือสหรัฐฯ กำลังยกระดับป้องกันตนเองในเอเชีย-แปซิฟิก ท่ามกลางความตึงเครียดกับจีน ด้วยการส่งฐานจอดอากาศยานขนาดใหญ่ลำใหม่ล่าสุดเข้าประจำการในโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
ยูเอสเอส มิเกล คีธ เรือฐานเคลื่อนที่ซึ่งออกแบบมาเพื่อลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ปริมาณมากและทำหน้าที่ในฐานะเป็นฐานลอยน้ำสำหรับฝูงบินเฮลิคอปเตอร์และเรือสะเทินน้ำสะเทินบก ถูกส่งเข้าประจำการที่ฐานทัพเรือไวท์บีช บนเกาะโอกินาวา ของญี่ปุ่น เมื่อวันศุกร์ (8 ต.ค.) ที่ผ่านมา จากคำแถลงของกองทัพเรือสหรัฐฯ
ถ้อยแถลงของกองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุว่าเรือลำนี้จะเข้าปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองเรือโจมตีเคลื่อนที่เร็วและกองกำลังนาวิกโยธินของกองเรือที่ 7 แห่งสหรัฐฯ
เรือยูเอสเอส มิเกล คีธ เป็นเรือชั้นลูอิส บี พูลเลอร์ ความยาว 240 เมตร และสามารถมอบการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์แก่ปฏิบัติการทางเรือต่างๆ
การประจำการครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่กองทัพเรือของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย เริ่มการซ้อมรบร่วมภายใต้กรอบการทำงานของ Quad ในวันอังคาร (12 ต.ค.)
การซ้อมรบ "มาลาบาร์" 3 วัน ตั้งแต่วันอังคาร (12 ต.ค.) จนถึงวันพฤหัสบดี (14 ต.ค.) ในอ่าวเบงกอล ร่วมด้วยเรือบรรรทุกเครื่องบินคาร์ล วินสัน ของสหรัฐฯ เรืออารักขา 2 ลำของญี่ปุ่น เรือฟิเกตของออสเตรเลีย 1 ลำและเรือพิฆาตลำหนึ่งของอินเดีย ตามข้อมูลของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรือบรรทุกเครื่องบินคาร์ล วินสัน เพิ่งร่วมกับเรือบรรทุกเครื่องบินอีก 2 ลำ คือยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน และเอชเอ็มเอส ควีน เอลิซาเบธ แห่งสหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับเรือจากชาติอื่นๆ อีก 4 ประเทศ ทำการซ้อมรบร่วมในทะเลจีนใต้
Lu Li-Shih อดีตอาจารย์ประจำโรงเรียนนายเรือของไต้หวันในเกาสง ระบุว่า การประจำการเรือมิเกล คีธ และการซ้อมรบทางเรือเมื่อเร็วๆ นี้ มีเจตนาส่งคำเตือนถึงจีนว่าสหรัฐฯ สามารถรวบรวมกองกำลังได้แข็งแกร่งกว่า
"กองทัพปลดแอกประชาชนจีนคาดหมายว่าจะส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 3 เข้าประจำการอย่างเร็วที่สุดในช่วงปี 2030" Lu กล่าว "แต่สหรัฐฯ โชว์ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถระดมพลกองเรือบรรทุกเครื่องบินอย่างน้อย 3 กองและเรือรบอื่นๆ ในการซ้อมรบ ชัดเจนว่ามันเป็นการส่งสารของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนว่า ข้าสามารถเอาชนะแกได้เดี๋ยวนี้เลย"
(ที่มา : เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์)