วิศวกรนิวเคลียร์ของกองทัพเรืออเมริกาที่สามารถเข้าถึงข้อมูลลับทางทหาร ถูกสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ซ้อนแผนจับกุมตัวพร้อมภรรยา โดยถูกตั้งข้อหาพยายามส่งข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของอเมริกาให้บุคคลที่เข้าใจว่า เป็นสายลับต่างชาติ แต่แท้จริงเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของเอฟบีไอ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงในวันอาทิตย์ (10 ต.ค.)
ในเอกสารคำร้องทางอาญาที่ยื่นต่อศาล รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งข้อหาเกี่ยวกับการจารกรรมหลายกระทง ต่อโจนาธาน โทบบ์ (Jonathan Toebbe) ที่เมื่อปีที่แล้วได้ขายข้อมูลลับให้ผู้ติดต่อคนหนึ่งซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นสายลับของมหาอำนาจต่างชาติ ทั้งนี้ไม่มีการระบุชื่อประเทศดังกล่าวในเอกสารที่ยื่นต่อศาล
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10) ว่า ได้จับกุม โทบบ์ วัย 42 ปี ในรัฐเวสต์เวอร์จิเนียเมื่อวันเสาร์ (9) พร้อมกับ ไดอานา ภรรยาวัย 45 ปีของเขา หลังจากโทบบ์นำการ์ดหน่วยความจำแบบถอดออกได้ ไปวางไว้ที่ “จุดรับของ” ซึ่งนัดหมายกันล่วงหน้าในพื้นที่รัฐดังกล่าว
ขณะที่สำนักงานเอฟบีไอ ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรม สำทับว่า แผนการนี้เริ่มต้นในเดือนเมษายนปีที่แล้ว เมื่อโทบบ์ส่งชุดเอกสารของกองทัพเรือสหรัฐฯ ให้รัฐบาลต่างชาติ พร้อมข้อความว่า ต้องการขายคู่มือปฏิบัติการ รายงานสมรรถนะ และข้อมูลอ่อนไหวอื่นๆ ให้รัฐบาลประเทศดังกล่าว
โทบบ์ยังให้คำแนะนำวิธีติดต่อแบบลับๆ ด้วยจดหมายที่มีข้อความว่า “ขออภัยสำหรับคำแปลเป็นภาษาของคุณที่ไม่ค่อยดีนัก โปรดส่งจดหมายนี้ต่อให้หน่วยงานข่าวกรองทางทหารของคุณ ผมเชื่อว่า ข้อมูลนี้จะมีค่าอย่างยิ่งต่อประเทศของคุณ นี่ไม่ใช่การหลอกลวง”
ปรากฏว่าเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เอฟบีไอได้รับชุดเอกสารดังกล่าว ซึ่งระบุที่อยู่ในกรณีต้องส่งคืนในเมืองพิตส์เบิร์กเอาไว้ด้วย ผ่านทางสำนักงานติดต่อประสานงานด้านกฎหมายของเอฟบีไอในประเทศหนึ่งที่ไม่ระบุชื่อ รวมทั้งไม่มีการเปิดเผยว่า เอฟบีไอได้ชุดเอกสารดังกล่าวมาอย่างไรและจากใคร
หลังจากนั้น เอฟบีไอเริ่มปฏิบัติการลับโดยให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งปลอมตัวเป็นสายลับของรัฐบาลต่างชาติติดต่อกลับไปหาโทบบ์ และหลังจากโต้ตอบกันทางอีเมลหลายสัปดาห์ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวส่งคริปโตราว 10,000 ดอลลาร์ให้โทบบ์ในเดือนมิถุนายน เพื่อแลกกับข้อมูลที่โทบบ์เสนอและเพื่อให้ชายผู้นี้วางใจ
หลายสัปดาห์หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางเฝ้าจับตาขณะที่โทบบ์เดินทางถึงสถานที่ที่ตกลงกันไว้ในเวสต์เวอร์จิเนียเพื่อ “ส่งของ” โดยมี ไดอานา คอยดูต้นทางให้ และได้เงินกลับไป 20,000 ดอลลาร์
ตามเอกสารที่ยื่นต่อศาลนั้น เอฟบีไอพบการ์ดหน่วยความจำสีน้ำเงินห่อด้วยพลาสติกและซ่อนอยู่ในแซนด์วิชพีนัตบัตเตอร์ สิ่งที่อยู่ในการ์ดหน่วยความจำปรากฏว่ามีส่วนประกอบการออกแบบและลักษณะเฉพาะด้านสมรรถนะของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนีย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมระบุว่า เป็นเรือดำน้ำโจมตีเร็วติดตั้งขีปนาวุธร่อน โดยมีทั้งเทคโนโลยีหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์ ตลอดจนระบบรวบรวมข่าวกรองและระบบอาวุธรุ่นล่าสุด
ในการ์ดหน่วยความจำยังมีข้อความตัวอักษรที่มีตอนหนึ่งระบุว่า “ผมหวังว่า ผู้เชี่ยวชาญของคุณจะยินดีกับตัวอย่างที่ให้มานี้ และผมเข้าใจถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เราไว้วางใจกันมากยิ่งขึ้น”
เอฟบีไอยังนัดส่งของแบบเดียวกันนี้อีกหลายครั้งในเดือนต่อๆ มา ซึ่งรวมถึงเดือนสิงหาคมที่นัดหมายกันทางตะวันออกของรัฐเวอร์จิเนีย และโทบบ์ได้ค่าตอบแทนราว 70,000 ดอลลาร์ โดยครั้งนั้นเขาซ่อนการ์ดหน่วยความจำที่มีข้อมูลการออกแบบเบื้องต้นของเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนียในห่อหมากฝรั่ง
เอกสารคำร้องระบุว่า โทบบ์ละเมิดกฎหมายพลังงานปรมาณูที่จำกัดการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์หรือวัสดุนิวเคลียร์
ทั้งนี้ คาดว่า สองสามีภรรยาโทบบ์จะปรากฏตัวในศาลครั้งแรกในวันอังคาร (12) ที่เวสต์เวอร์จิเนีย
เอฟบีไอเผยว่า โทบบ์ซึ่งพำนักอยู่ที่เมืองแอนนาโพลิส รัฐแมริแลนด์ ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2012 โดยได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลลับสุดยอดและมีความเชี่ยวชาญด้านระบบขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์สำหรับเรือ และยังได้รับมอบหมายให้ทำงานในห้องปฏิบัติการของรัฐบาลในเมืองพิตส์เบิร์กที่ดำเนินการเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์สำหรับกองทัพเรือ
(ที่มา : เอพี)
