โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อมวลชนชื่อดังของสหรัฐฯ บล็อกไม่ให้เข้าถึงเพจเฟซบุ๊กของตนเองในออสเตรเลีย หลังศาลแดนจิงโจ้พิพากษาว่าบริษัทสื่อสารมวลชนทั้งหลายต้องเป็นผู้รับชอบต่อโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทต่างๆ ของพวกผู้ใช้ บนรายงานข่าวต่างๆ ของพวกเขา
เมื่อวันพฤหัสบดี (30 ก.ย.) ที่ผ่านมา พวกผู้ใช้ชาวออสเตรเลียที่พยายามหาทางเข้าถึงเพจเฟซบุ๊กของซีเอ็นเอ็น จะได้รับข้อความแจ้งว่าเนื้อหาดังกล่าวถูกจำกัดการเข้าถึง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากศาลสูงของออสเตรเลีย พิพากษายืนคำตัดสินก่อนหน้านี้ ที่ว่าบริษัทสื่อมวลชนทั้งหลายต้องเป็นผู้รับผิดชอบความคิดเห็นของผู้ใช้ซึ่งโพสต์อยู่ในรายงานข่าวของสื่อนั้นๆ เปิดทางให้บรรดาสื่อมวลชนมีสิทธิถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายหมิ่นประมาทอันหนักหน่วงของประเทศ
ซีเอ็นเอ็นเปิดเผยในวันพุธ (29 ก.ย.) ว่าได้ร้องขอให้เฟซบุ๊กช่วยบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายปิดกั้นความคิดเห็นบนแฟลตฟอร์มของพวกเขาในออสเตรเลีย แต่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เลือกที่จะไม่ดำเนินการตามที่ขอ
"เราผิดหวัง อีกครั้งที่เฟซบุ๊กไม่ยอมหาทางรับประกันว่าแฟลตฟอร์มของพวกเขาจะมีพื้นที่หนึ่งๆ สำหรับสื่อสารมวลชนที่มีความน่าเชื่อถือและบทสนทนาที่ก่อให้เกิดผลเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ในปัจจุบันในบรรดาผู้ใช้เฟซบุ๊ก" โฆษกของซีเอ็นเอ็นระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์
เฟซบุ๊กแถลงในเดือนมีนาคม ว่า บรรดาสื่อสารมวลชนทั้งหลายสามารถปิดความคิดเห็นสำหรับโพสต์ต่างๆ อย่างเจาะจง แต่จะไม่ใช้รูปแบบปิดความคิดเห็นทั้งเพจตามคำร้องขอของทางซีเอ็นเอ็น
ดีแลน วอลเลอร์ ชนพื้นเมือง อดีตผู้ต้องขังเยาวชนเป็นผู้เริ่มคดีนี้ เขาอ้างว่าสื่อมวลชนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ รวมถึงดิ ออสเตรเลีย และสกายนิวส์ ต้องรับผิดชอบต่อความเห็นหมิ่นประมาทของบรรดาผู้ใช้ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวเขาบนเพจเฟซบุ๊กของสื่อมวลชนเหล่านั้น
บรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายโต้แย้งว่าพวกเขาไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบในความคิดเห็นที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเหล่านั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จในการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงออสเตรเลีย
ศาลระบุว่า บริษัทสื่อมวลชนทั้งหลายสามารถคัดกรองหรือบล็อกความคิดเห็นหมิ่นประมาทได้ถ้าต้องการ
กฎหมายหมิ่นประมาทของออสเตรเลียขึ้นชื่อด้านความซับซ้อนและเป็นหนึ่งในชาติที่มีกฎหมายหมิ่นประมาทเข้มข้นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โฆษกของเฟซบุ๊กระบุว่า ทางบริษัทสนับสนุนการปฏิรูปกฎหมาย และตั้งตาคอยให้ขอบเขตของเรื่องนี้มีความชัดเจนและแน่นอนยิ่งขึ้น
(ที่มา : เอเอฟพี)